ยามาฮ่า เคาะแผนรุกตลาด ชู5กลยุทธ์เพิ่มส่วนแบ่งตลาดปีเสือ

- Advertisement -spot_imgspot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img

คาดตลาดสองล้อรวมปี65เติบโต2%ส่วนกระแสโควิด-19

Advertisements

ยามาฮ่า ประกาศเดินเกมรุกตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยในปี 2565 หลังครองส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มเป็น 16.5% เล็งเสริมสินค้าใหม่ 4 รุ่น ครอบคลุมทุกการใช้งานตั้งเป้าขาย 287,000 คัน พร้อมเดินหน้าปรับโฉมโชว์รูมใหม่

นายทัตสึยะ โนซากิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า จากญี่ปุ่นเปิดเผยว่าจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างหนัก ในทุกธุรกิจทั่วโลก แต่ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงแข็งแกร่งและมีแนวโน้มในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วสำหรับการเติบโตของยามาฮ่าอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นผลการทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ของร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และพันธมิตรทางธุรกิจทุกๆ ท่าน โดยปีนี้ยามาฮ่ายังคงมุ่งเน้นไปที่การสร้างตราสินค้าให้มีความแข็งแกร่ง และสร้างความผูกพันระหว่างยามาฮ่ากับลูกค้าให้มีความมั่นคงและคงอยู่ตลอดไปในปีที่ผ่านมา ยามาฮ่าได้ทำการเปิดตัวโชว์รูมยามาฮ่ารูปแบบใหม่เป็นครั้งแรก ซึ่งเราเชื่อว่า จะสามารถยกระดับคุณภาพทั้งด้านการขาย บริการ และอะไหล่ที่ดีขึ้นเพื่อส่งมอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยม เหนือความคาดหวังให้กับลูกค้าของเราได้มากยิ่งขึ้นสำหรับประเด็นสินค้า บางรุ่นที่ ไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ยามาฮ่าอยู่ระหว่างการหารือกับยามาฮ่ามอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น และพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น ” นายโนซากิกล่าว

ประเมินตลาดปีเสือ โตต่อเนื่อง
นายพงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ในปี 2564 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 พอสมควร แต่ตลาดรถจักรยานยนต์ยังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยยอดจดทะเบียนรวม มียอด1.61 ล้านคัน เติบโตจากปีที่ผ่านมา 6% สำหรับในปี 2565 ยามาฮ่าคาดการณ์ว่า ตลาดรถจักรยานยนต์จะเพิ่มขึ้น 2% จากปี 2564 หรือมียอดรวมราว 1.64 ล้านคัน ถือเป็นสัญญาณที่ดี ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนคือ การลงทุนของภาครัฐ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลดความรุนแรงลง รวมทั้งระบบเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวฟื้นตัว

เผยปี64 ยอดยามาฮ่าเพิ่ม11%
นายพงศธร กล่าวต่อไปอีกว่า ในปี2564 ที่ผ่านมา จักรยานยนต์ยามาฮ่ามียอดจดทะเบียนรวม 266,000 คัน เพิ่มขึ้นถึง 11% เมื่อเทียบกับปี 2563 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโต ที่สูงกว่าภาพรวมของตลาดปี 2564และเป็นปีที่ยามาฮ่าสามารถขยับส่วนแบ่งการตลาดจาก 15.8% เป็น 16.5% ซึ่งเป็นผลจากการเดินหน้านโยบายด้านการขายและการทำตลาดอย่างเข้มข้นนั่นเองสำหรับปี 2565 ยามาฮ่า ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 287,000 คัน เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และจะขยับส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 17.5%โดยใช้การรุกตลาดด้วย 5 กลยุทธ์หลักในการสร้างแบรนด์ ได้แก่

1.) การพัฒนาและการเปิดตัวสินค้าใหม่ ครอบคลุมทุกเซกเม้นต์ ภายใต้เทคโนโลยีล้ำสมัยและดีไซน์ที่สร้างความแตกต่าง ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ทั้ง R-SERIES, SPORT HERITAGE, MAX SERIES และ FASHION AUTOMATIC รวมทั้งแอปพลิเคชัน Y-Connect ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้า
2.) มุ่งสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าด้วยการรับประกัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตรในรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าทุกรุ่นที่มีขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 500 ซีซี
3.) ยกระดับและพัฒนาโชว์รูมยามาฮ่ารูปแบบใหม่ทั่วประเทศ พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งของ การบริการหลังการขายด้วยระบบ Pro Care และยกระดับการให้บริการในระดับพรีเมียม มาตรฐานเดียวกับ Yamaha Premium Service พร้อมทั้งการขยายและพัฒนาโชว์รูมรูปแบบใหม่เพิ่มขึ้นอีก 60 แห่ง
4.) เน้นการสร้างภาพลักษณ์ตราสินค้าที่แข็งแกร่ง เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ รวมถึงการสร้าง Yamaha Lifetime Customers โดยยกระดับคุณภาพทั้งในเรื่องสินค้า การบริการ และกิจกรรมการตลาด ที่พร้อมจะส่งมอบประสบการณ์ชั้นยอด สร้างความแตกต่าง ตอบโจทย์ในทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เพื่อให้สินค้าและบริการของยามาฮ่าเป็นที่หนึ่งในใจของลูกค้า และ ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้สินค้าและบริการของยามาฮ่าเสมอ
5.) การจัดกิจกรรมฉลองครบรอบ 67 ปี ยามาฮ่า โดยเป็นกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในการสร้างจิตสำนึกและความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกับยามาฮ่า

Advertisements

เผยเบื้องหลังยามาฮ่าเพิ่มแชร์ตลาดทุกเซ็คเมนท์
นายภาณุพล กิตติคำรณ รองผู้จัดการใหญ่ด้านการขายและการตลาด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ปี 2564 ยามาฮ่าสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้างยอดขายและสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดได้สำเร็จ โดยเฉพาะในกลุ่มรถครอบครัวขนาดต่ำกว่า 125 ซีซีที่สามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดจาก 6.5% ขยับขึ้นมาเป็น 9% สำหรับในกลุ่มรถสปอร์ต และรถออโตเมติก ยามาฮ่าเติบโตได้เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลของการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าว่า รถจักรยานยนต์ ยามาฮ่านั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ด้วยการรับประกันรถจักรยานยนต์ทั้งคัน 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ในรถจักรยานยนต์ที่มีขนาดไม่เกิน 500 ซีซีทุกรุ่น โดยเฉพาะในกลุ่มรถครอบครัวอย่าง ”ยามาฮ่าฟินน์” ที่ยามาฮ่าให้การรับประกันทุกชิ้นส่วนยาวนานถึง 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทาง ยามาฮ่าต้องการเสริมความแข็งแกร่งของกลยุทธ์การตลาดโดยมุ่งเน้นในกลุ่มประเภทสินค้าต่างๆ ดังนี้
1.) กลยุทธ์การตลาดของกลุ่มรถออโตเมติกยังคงเน้นการสร้างความเป็นผู้นำด้านออโตเมติก โดยในส่วนของแฟชั่นออโตเมติกนั้น เน้นการออกแบบให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าเป็นหลัก สำหรับพรีเมี่ยมออโตเมติก เน้นภาพลักษณ์และส่งเสริมความเป็น MAX Series ให้แข็งแกร่งมากขึ้น และสปอร์ตออโตเมติกจะเน้นในการสร้างและขยายฐานลูกค้าให้ไปยังหัวเมืองใหญ่
2.) กลยุทธ์การตลาดของกลุ่มรถสปอร์ตที่ยามาฮ่ายังคงรักษาความเป็นรถสปอร์ตยอดนิยมอันดับ 1 ในคลาส 150 ซีซี ได้อย่างเหนียวแน่น เน้นการเข้าถึงและตอบสนองไลฟ์สไตล์ ที่ออกแบบ มาโดยเฉพาะและเหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละกลุ่ม ทั้งกลุ่มสปอร์ต กลุ่มเนคเกต กลุ่มสปอร์ตแฮริเทจ กลุ่มเอ็นดูโร่ เพื่อความแข็งแกร่งสมกับเป็นเบอร์ 1
3.) กลยุทธ์การตลาดของกลุ่มรถครอบครัว พร้อมกระตุ้นและส่งเสริมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ด้วย การรับประกันทุกชิ้นส่วนยาวนาน 5 ปี โดยไม่จำกัดระยะทางและเน้นหนักเรื่องการส่งเสริมภาพลักษณ์ความทันสมัยในรถครอบครัว โดยเน้นกิจกรรมการตลาดทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
4.) สร้างความผูกพันกับลูกค้าให้มากขึ้น โดยการนำความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามาผสมผสานกับกลยุทธ์ทางการตลาด ผ่านกิจกรรมของคลับให้มากขึ้น โดยร่วมกับผู้จำหน่ายในพื้นที่ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า สร้างความสัมพันธ์อันดีและการมีส่วนร่วมมากขึ้นระหว่างยามาฮ่า กับลูกค้า
5.) ยกระดับการตลาดด้วยรูปแบบ  Digital  Marketing  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร กับลูกค้าในทุกๆ Online Touch Point ด้วยแอปพลิเคชัน Y-Connect และแอปพลิเคชันใหม่ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการสื่อสารกับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นและสามารถจัดการข้อมูลของลูกค้าผ่านทางระบบออนไลน์ได้เป็นอย่างดี

Advertisements
- Advertisement -spot_imgspot_img

Latest news

Advertising

spot_img

Related news

- Advertisement -spot_img