แบรนด์BMW ปิดยอด 14,128 คัน และมินิ 1,349 คัน แชมป์ตลาดพรีเมี่ยม4 ปีติดต่อกัน
นายอเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ผู้จำหน่ายรถยนต์ BMW MINI และจักรยานยนต์BMW เปิดเผยว่า ในปี พ.ศ. 2566 ว่า บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สามารถรักษาผู้นำตลาดรถกลุ่มรถยนต์พรีเมี่ยม โดยคงมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นจากอัตราการเติบโตในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่เพิ่มขึ้นสองเท่า (200%) จากปี พ.ศ. 2565 ด้วยยอดจดทะเบียนทั้งหมด ที่ 1,604 คัน จากรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 6 รุ่น ที่เปิดตัวในตลาดประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู iX3, บีเอ็มดับเบิลยู iX, บีเอ็มดับเบิลยู i4, บีเอ็มดับเบิลยู i5, บีเอ็มดับเบิลยู i7 และมินิ คูเปอร์ เอสอี ยิ่งไปกว่านั้น
รถยนต์ในกลุ่ม Luxury Class ของบีเอ็มดับเบิลยู ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู i7, บีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 8, บีเอ็มดับเบิลยู X7 และบีเอ็มดับเบิลยู XM ยังคงสร้างผลงานการเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยยอดจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2566 ทั้งหมด 668 คัน เพิ่มขึ้น 46%
สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิมียอดจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2566 รวมทั้งหมด 15,477 คัน โดยแบ่งเป็นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 14,128 คัน และมินิ 1,349 คัน ส่งผลให้บริษัท ยังคงครองตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งมาเป็นปีที่สี่ติดต่อกันในเซกเมนต์รถยนต์พรีเมียม
สองล้อปิดยอด1พันตัน
ในขณะที่ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งด้วยยอดจดทะเบียนในปี พ.ศ. 2566 รวมทั้งหมด 1,079 คัน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าในประเทศไทยที่ยังคงไว้วางใจและเลือกให้เราเคียงข้างในทุกการเดินทาง
“การครองตำแหน่งผู้นำอันดับ 1 ในตลาดรถยนต์พรีเมียมไทย 4 ปีซ้อน ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการตอบโจทย์ลูกค้าและความทุ่มเทของพนักงาน ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ
และพันธมิตรทุกรายในประเทศไทยของบีเอ็มดับเบิลยู ที่ร่วมกันส่งมอบประสบการณ์การขับขี่ระดับสูงสุดให้แก่ลูกค้า ช่วยเสริมสร้างความภักดีต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู ” นายบารากา กล่าว
ทั่วโลกเติบโต6.5%
นอกจากนี้ ในปี พ.ศ. 2566 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระดับโลกด้วยยอดขายบีเอ็มดับเบิลยู มินิ และโรลส์รอยซ์ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ คิดเป็นยอดส่งมอบรวม 2,555,341 คันทั่วโลก เติบโตขึ้น 6.5% โดยรถยนต์ในกลุ่มพลังงานไฟฟ้า 100%
มียอดขายเติบโตขึ้นถึง 74.4% จากปี พ.ศ. 2565 คิดเป็นยอดส่งมอบทั่วโลกรวม 376,183 คัน สะท้อนถึงความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตอบรับเทรนด์พลังงานสะอาดที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ซึ่งทางบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มองว่าเทรนด์ความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100%
ในหมู่ผู้ใช้งานจะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป และคาดการณ์ว่าจะทำยอดขายได้กว่า 500,000 คัน ในปี พ.ศ. 2567 นี้ ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่โดดเด่นในปี พ.ศ. 2566 ตอกย้ำบทบาทของบริษัทในฐานะผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ไฟฟ้าอย่างมีนัยสำคัญ