Thursday, November 7, 2024

ฮอนด้า ซีวิค เจน10

- Advertisement -spot_imgspot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img

ครั้งแรกนอกอเมริกาเหนือ พลังแรง173 แรงม้า แรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ราคาTURBO เริ่มต้น 1.099ล้าน

Advertisements

(กรุงเทพฯ – 11 มี.ค. 2559) บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 10 ที่ได้รับการสร้างสรรค์และพัฒนาให้สามารถก้าวข้ามทุกข้อจำกัด เพื่อมุ่งสู่การเป็นซีวิค ที่สมบูรณ์แบบในทุกมิติและก้าวล้ำนำสมัยที่สุด ด้วยการยกระดับการออกแบบให้มีความทันสมัย และหรูหราในสไตล์สปอร์ต ผสานกับนวัตกรรมยานยนต์ อาทิ ขุมพลังจากเทคโนโลยี VTEC TURBO ใหม่ ที่ให้สมรรถนะที่ทรงพลัง            และมีอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม พร้อมเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบาย และอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่เหนือระดับ

เทอร์โบ อาร์เอส ทอปไลน์ของรุ่น ราคา 1.199ล้านบาท
เทอร์โบ อาร์เอส ทอปไลน์ของรุ่น ราคา 1.199ล้านบาท

นายโนริอากิ อาเบะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการประจำภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยน ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้าได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของประเทศไทยในฐานะที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และเป็นฐานการผลิตรถยนต์ฮอนด้าที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ดังนั้น ประเทศไทยจึงเป็นประเทศแรก
นอกทวีปอเมริกาเหนือที่ได้ทำการเปิดตัว ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ และยังเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ผลิตขึ้น ณ โรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้าแห่งใหม่ในจังหวัดปราจีนบุรี โดยได้นำเอานวัตกรรมการผลิตอันล้ำสมัยของโรงงานผลิตรถยนต์ที่โยริอิ ประเทศญี่ปุ่นมาประยุกต์ใช้ ณ โรงงานใหม่แห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาของฮอนด้าที่มีต่อประเทศไทย  ในการเป็นยุทธศาสตร์ฐานการผลิตที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางการส่งออกไปทั่วโลก”

1.8 EL ราคา 9.59แสนบาท
1.8 EL ราคา 9.59แสนบาท

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ยนตรกรรมฮอนด้า ซีวิค เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในประเทศไทยในเจนเนอเรชั่นที่ 3           เมื่อปี พ.ศ. 2527 โดยได้เข้าไปนั่งในใจและเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าชาวไทยเสมอมา พิสูจน์ได้ด้วยยอดขายสะสมจนถึงปัจจุบันเกือบ 460,000 คัน นับได้ว่า ฮอนด้า ซีวิค ได้เติบโตควบคู่กับฮอนด้าในประเทศไทยมาโดยตลอด
และยังเป็นเสมือนตัวแทนที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของฮอนด้า เพราะเมื่อพูดถึงฮอนด้า ผู้คนจะนึกถึงซีวิคและสปอร์ต    ดีเอ็นเอที่มาคู่กันเป็นอันดับแรกเสมอ และในครั้งนี้ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เจนเนอเรชั่นที่ 10 จะเป็นอีกก้าวสำคัญของการยกระดับซีวิคให้ก้าวล้ำไปกว่าเดิม ซึ่งหลังจากการเปิดตัวในทวีปอเมริกาเหนือเพียง 6 เดือน ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ สามารถคว้ารางวัลยนตรกรรมยอดเยี่ยมถึง 14 รางวัล จาก 10 สถาบันชั้นนำ สะท้อนถึงความเป็นยนตรกรรมระดับโลกที่ทุกคนรอคอยอย่างแท้จริง”Civic_All Grade

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ได้รับการจัดวางโครงสร้างโดยเน้นการออกแบบตัวรถที่ดูสปอร์ตและล้ำสมัยด้วยตัวถังที่กว้าง และมีความสูงของตัวรถที่ลดลง เพื่อสร้างอารมณ์การขับขี่ที่สปอร์ตและมั่นใจ รวมถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสาร                    ที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น มาพร้อมรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวและหรูหราด้วยเส้นสายด้านข้างตัวรถที่คมชัด สปอร์ตและดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าโครเมียมรูปร่างคล้ายปีกที่วางตัวเป็นแนวยาวเต็มกรอบกระจังหน้า เชื่อมต่อกับไฟหน้าสไตล์สปอร์ตพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ทั้งยังโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายรูปทรงตัว C         แบบ LED

การออกแบบภายใน เน้นการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และเส้นสายการออกแบบที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและพรีเมียม  รวมถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบายใกล้เคียงกับรถยนต์ในระดับ D-Segment ทั้งนี้ ยังมาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในทุกการขับขี่ ด้วยการควบคุมอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส อาทิ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิง พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay        (เฉพาะสมาร์ทโฟนบางรุ่น) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ ซึ่งสามารถแสดงผลฟังก์ชั่นการใช้งาน  ที่หลากหลาย โดยสามารถสลับเปลี่ยนข้อมูลและค้นหาตัวอักษรได้ง่ายด้วยปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย      และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ที่สามารถสั่งการ ได้จากระยะไกล เพื่อช่วยอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทางโดยขณะนั้นประตูรถยังคงล็อกอยู่เช่นเดิม และรถจะไม่สามารถออกตัวได้จนกว่าผู้ขับจะเข้าไปสตาร์ทรถตามปกติCivic_1.8EL_Headlight

Advertisements

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ เปี่ยมด้วยสมรรถนะอันทรงพลังของเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่ ซึ่งทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ดังกล่าวได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี      เอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 5,500 รอบต่อนาที ซึ่งให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์   ขนาด 1.8 ลิตร และยังมีเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับ การพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้การขับขี่ที่เร้าใจและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นโดยให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที   ทั้งยังรองรับพลังงานทางเลือก E85

ก้าวล้ำไปอีกขั้นด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นในระดับเดียวกัน เพื่อช่วยเติมเต็มทุกการเดินทางให้สมบูรณ์แบบที่สุด อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)Civic_1.8 EL_Side (2)

นายสมภพ ปฏิภานธาดา ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ตลอดทุกเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา จิตวิญญาณแห่งความท้าทาย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของฮอนด้า ได้ถูกถ่ายทอดสู่การพัฒนาฮอนด้า ซีวิค จากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ซีวิคได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นด้วยการนำเสนอคุณค่าใหม่และสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการรถยนต์ในแต่ละยุคสมัย จนก้าวสู่ความเป็นผู้นำในการแข่งขันอยู่เสมอ              ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า มีเพียง “ซีวิค” เท่านั้น ที่จะสามารถก้าวล้ำเหนือ “ซีวิค” เองได้ และจากความเป็นยนตรกรรมระดับโลกของซีวิคที่ผ่านมา ผสานกับการพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นในทุกมิติ การสื่อสารทางการตลาดในครั้งนี้        จึงไม่มีการใช้คำนิยามหรือคำจำกัดความเพื่ออธิบายความเป็นซีวิค เพราะสิ่งที่สามารถบอกเล่าตัวตนได้ดีที่สุด  คือ ชื่อที่ทุกคนยอมรับ และความโดดเด่นที่สะกดทุกสายตาของฮอนด้า ซีวิค ใหม่ โดยฮอนด้าได้ตั้งเป้าการจำหน่าย   ที่ 25,000 คัน ภายใน 1 ปี”

ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น TURBO RS ราคา 1,199,000 บาท รุ่น TURBO ราคา 1,099,000 บาท รุ่น 1.8 EL ราคา 959,000 บาท และรุ่น 1.8 E ราคา 869,000 บาท โดยมีให้เลือกทั้งหมด 5 สี              ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก)  สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก)

หมายเหตุ:       
– สำหรับสีขาวออร์คิด (มุก) เพิ่ม 10,000 บาท และสีดำคริสตัล (มุก) เพิ่ม 6,000 บาท[fblike]

Advertisements
- Advertisement -spot_imgspot_img

Latest news

Advertising

spot_img

Related news

- Advertisement -spot_img