Friday, October 24, 2025

ใหม่ทั้งหมดใช่หรือไม่ “โตโยต้า รีโว่ 2025” เถียงกันตั้งแต่รถยังไม่ออก

Homeใหม่ทั้งหมดใช่หรือไม่ "โตโยต้า รีโว่ 2025" เถียงกันตั้งแต่รถยังไม่ออก

ใหม่ทั้งหมดใช่หรือไม่ “โตโยต้า รีโว่ 2025” เถียงกันตั้งแต่รถยังไม่ออก

โตโยต้า ไฮลักซ์ หรือ โตโยต้า รีโว่ (Toyota HiLux) ใหม่ปี 2025 ใกล้จะเปิดตัวแล้ว ภายใต้ชื่อใหม่ “ทราโว่” ต้องรอดูกันต่อไปว่าเราจะคาดหวังอะไรได้บ้างจากรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวในวันที่ 10 พ.ย.2568 นี้

ในช่วงนี้เรื่องราวของทราโว่ คุณจะพบกับภาพเรนเดอร์และภาพสปายช็อตต่างๆ ซึ่งคันที่เรานำมาเป็นปาก เป็นการสร้างภาพโดยAi คร่าวๆ ของ Hilux Travo รุ่นใหม่โดยทีมงาน auto.co.th และในบทความนี้เรารวบรวม ลิงก์ต่างๆ ไปยังบทความและข้อมูลที่กล่าวถึง ทราโว่ มากที่สุดที่เผยแพร่ออกมา

Advertisements

รายงานล่าสุดของโตโยต้า ไฮลักซ์คือ รถถูกส่งมาทดสอบสเปคของยางที่พัฒนาขึ้นโดยบริดจสโตน เพื่อให้เข้ากับความต้องการเฉพาะของโตโยต้า ซึ่งเป็นการทดสอบเพื่อหาผลลัพท์ที่ดีที่สุดสำหรับการออกแบบยางต้นแบบเพื่อใช้ผลิตจำนวนมากต่อไป ทั้งนี้รถต้นแบบดังกล่าวเผยให้เห็นตัวจริงที่เกือบสมบูรณ์แบบของไฮลักซ์ใหม่ ภาพเรนเดอร์โดยเว็บไซต์Headlightmag ถือว่าเป็นภาพที่ใกล้จริงที่สุด ณ.เวลานี้ (ดูภาพจากLink)


Link:ภาพเรนเดอร์ในไทยภาพแรกในไทยที่เผยแพร่โดยเว็บ Headlightmag.con
Link:ภาพเรนเดอร์ที่เผยแพร่โดย whatcar.con.au

ทางด้านวิศวกรรม มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการว่า ไฮลักซ์ใหม่จะสร้างขึ้นบนแพลทฟอร์ม REVO เดิม ช่วงเสา เอ บี และซี จะยังคงมีมิติเดิมเปลี่ยนแปลง ในส่วนของการออกแบบด้านหน้าใหม่หมด ซุ้มล้อหน้ามีขนาดกว้างขึ้น เช่นเดียวกับซุ้มล้อหลัง แม้ฐานล้อจะเท่าเดิมแต่ ขนาดของแชสซี่มีการปรับปรุงในบางจุดเพื่อเสริมความแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาจุดยึดของระบบรองรับน้ำหนักหลังอย่างไรก็ตาม ขุมพลังยังคงเป็นดีเซลที่มีเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 ใหม่ซึ่งเป็นความร่วมมือในการพัฒนาของพันธมิตรสำหรับพลังงานใหม่ ยังคงอยู่ในช่วงการตัดสินใจว่าจะติดตั้งหรือไม่

TRAVO”ใหม่ไม่หมด”วิศวรรมชั้นสูงลดต้นทุน-เพื่มกำไร

การพัฒนารถของโตโยต้าในช่วงหลังพัฒนารถยนต์ด้วยหลักการลดต้นทุนเป็นแกนนำ โดยไม่เปลี่ยนแปลงรถแบบหมดทั้งคันแต่ จะเก็บโครงสร้างหลักไว้ทั้งหมด ส่วนที่เปลี่ยนแปลงมีแค่ ชิ้นส่วนที่ออกแบบไว้เพื่อเปลี่ยนภายนอก เท่านั้น เดิมมาใช้ในสัดส่วนมาก ในรถรุ่นใหม่ รถที่ใช้แนวทางนี้เช่น คัมรี่ 2025 ที่เพิ่งเปิดตลาดไป ทำไมรถรุ่นใหม่ผู้ผลิตรถ ยุคหลังใช้ของเดิมมาพัฒนา ไม่ทำการพัฒนาใหม่แบบยกคัน เหมือนในอดีต?

ในยุคปัจจุบัน ผู้ผลิตรถยนต์มักจะใช้ชิ้นส่วนและแพลตฟอร์มจากรุ่นเดิมมาปรับปรุงพัฒนาต่อ แทนที่จะสร้างใหม่แบบยกคันเหมือนในอดีต ซึ่งมีเหตุผลหลักหลายประการที่ทำให้เป็นเช่นนี้:

  1. ประหยัดต้นทุนการผลิต: การออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมดนั้นใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง หากนำแพลตฟอร์มเดิมมาใช้ซ้ำ (platform sharing) จะช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก เพราะไม่ต้องลงทุนใหม่ในด้านการวิจัย การออกแบบ และการทดสอบทั้งหมด จึงสามารถประหยัดงบประมาณได้มาก และช่วยให้บริษัทสามารถรักษาระดับราคาของรถให้แข่งขันได้
  2. การผลิตที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ: การใช้แพลตฟอร์มเดิมและชิ้นส่วนที่เคยผ่านการทดสอบแล้วช่วยให้กระบวนการผลิตสามารถเริ่มได้รวดเร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาในการทดสอบและพัฒนาแบบใหม่ทั้งหมด นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงที่เกิดจากปัญหาคุณภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ชิ้นส่วนใหม่ ๆ
  3. การตอบสนองต่อตลาดได้เร็วขึ้น: ตลาดรถยนต์ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากผู้ผลิตต้องสร้างรถใหม่ทั้งหมด การเข้าสู่ตลาดอาจใช้เวลาหลายปี การใช้แพลตฟอร์มเดิมช่วยให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนารุ่นใหม่ๆ ได้เร็วขึ้น และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว เช่น การออกรุ่นพิเศษหรือรุ่นปรับปรุงภายในระยะเวลาที่สั้นลง
  4. การเพิ่มความสอดคล้องในคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัย: ชิ้นส่วนเดิมหรือแพลตฟอร์มเดิมที่เคยผ่านการทดสอบความปลอดภัยและมาตรฐานการผลิตมาแล้ว ทำให้มั่นใจได้ว่ารถรุ่นใหม่ยังคงความปลอดภัยและคุณภาพเดิมที่ลูกค้าคุ้นเคย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการออกแบบที่ไม่ผ่านการทดสอบอย่างเพียงพอ
  5. การรวมกลุ่มซัพพลายเชนและการจัดการทรัพยากรที่ดีขึ้น: การใช้แพลตฟอร์มและชิ้นส่วนเดิมทำให้การจัดการซัพพลายเชนง่ายขึ้น ซัพพลายเออร์สามารถผลิตชิ้นส่วนในปริมาณที่มากขึ้นและส่งให้กับหลายรุ่นได้ จึงลดต้นทุนของชิ้นส่วนเหล่านั้นด้วยการประหยัดจากขนาดการผลิต (economies of scale)
  6. การพัฒนาเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่นได้ตามยุคสมัย: ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาบนแพลตฟอร์มเดิมช่วยให้สามารถอัพเกรดเทคโนโลยีได้ง่ายกว่า เช่น ระบบ infotainment และเทคโนโลยีช่วยขับขี่ ผู้ผลิตสามารถเพิ่มซอฟต์แวร์และอุปกรณ์ใหม่ ๆ เข้าไปในแพลตฟอร์มเดิมได้ทันที
  7. ลดความเสี่ยงด้านการพัฒนาและความผิดพลาด: การพัฒนาใหม่ทั้งหมดต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการที่ชิ้นส่วนใหม่ ๆ อาจไม่สามารถเข้ากันได้หรือมีปัญหาทางเทคนิคมากมาย การใช้โครงสร้างที่ผ่านการทดสอบมาแล้วช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ ทำให้รถที่ผลิตออกมามีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

โดยรวมแล้ว การพัฒนารถยนต์จากแพลตฟอร์มและชิ้นส่วนเดิมทำให้ผู้ผลิตสามารถนำเสนอรถรุ่นใหม่ได้รวดเร็ว มีต้นทุนที่คุ้มค่า และยังคงมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัย อย่างไรก็ตามถึงแม้การพัฒนารถบนแพลตฟอร์มเดิมจะมีข้อดีมากมายสำหรับผุ้ผลิต แต่ข้อด้อยต่อไปนี้ ก็เป็นปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน

ข้อด้อยของการพัฒนารถบนแพทฟอร์มเดิม
การพัฒนารถยนต์จากแพลตฟอร์มเดิม แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อด้อยหรือข้อจำกัดที่อาจส่งผลกระทบในหลายด้าน ดังนี้:

Advertisements
  1. ข้อจำกัดด้านการออกแบบ: แพลตฟอร์มเดิมมักมีข้อจำกัดในด้านขนาด โครงสร้าง และตำแหน่งของชิ้นส่วน เช่น การจัดวางระบบขับเคลื่อนและพื้นที่ภายในห้องโดยสาร ซึ่งอาจทำให้การออกแบบภายนอกและภายในมีความจำกัด ไม่สามารถสร้างความแตกต่างหรือเอกลักษณ์ใหม่ๆ ได้ตามต้องการ
  2. ประสิทธิภาพที่ถูกจำกัด: แพลตฟอร์มเดิมอาจไม่สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการเพิ่มระบบขับเคลื่อน เช่น ระบบไฮบริดหรือรถไฟฟ้าทั้งหมด เนื่องจากโครงสร้างของแพลตฟอร์มเดิมอาจไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการติดตั้งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่หรือมอเตอร์ไฟฟ้าหลายตัว ทำให้ประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนลดลงเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเทคโนโลยีเหล่านี้
  3. ขาดความยืดหยุ่นในการอัพเกรดเทคโนโลยี: หากแพลตฟอร์มเดิมถูกใช้งานมาเป็นเวลานาน อาจมีข้อจำกัดในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติหรือระบบเชื่อมต่ออัจฉริยะ เนื่องจากแพลตฟอร์มไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรองรับการติดตั้งเซ็นเซอร์หรืออุปกรณ์อื่นๆ ที่ทันสมัย ซึ่งอาจทำให้การอัพเกรดล่าช้าและไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด
  4. ภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์: การใช้แพลตฟอร์มเดิมอาจทำให้รถรุ่นใหม่ไม่ดึงดูดเท่าที่ควร เพราะผู้บริโภคอาจมองว่าเป็นรุ่นที่ไม่มีความแตกต่างหรือการพัฒนาที่น่าตื่นเต้นเพียงพอ จึงอาจส่งผลให้ความสนใจลดลงและยอดขายไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยเฉพาะในตลาดที่มีการแข่งขันสูง
  5. ประสิทธิภาพการประหยัดพลังงาน: แพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายในอาจไม่สามารถใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเปลี่ยนไปใช้ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เช่น อาจไม่สามารถจัดวางแบตเตอรี่ในจุดที่เหมาะสมได้ หรือโครงสร้างอาจมีน้ำหนักมากเกินไป ส่งผลให้ระยะทางการขับขี่ลดลงและประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่ำกว่าแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถไฟฟ้า
  6. การปรับตัวต่อข้อกำหนดและมาตรฐานใหม่ๆ: ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในหลายๆ ประเทศมีการปรับปรุงให้เข้มงวดมากขึ้น หากแพลตฟอร์มเดิมไม่ได้ออกแบบมาให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่เหล่านี้ การดัดแปลงอาจทำได้ยากและมีต้นทุนสูง จนอาจทำให้รถรุ่นใหม่นั้นไม่สามารถทำตลาดในบางประเทศได้
Advertisements
RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Advertisements

Most Popular

Recent Comments