ตลาดรถยนต์ไทยยัง ติดหล่ม เผยยอดขายปลีก พ.ย.66 ยังชะลอตัวต่อเนื่อง 9.8% ปิกอัพหดตัว 38.8% เก๋งได้ผลดีจาก รถยนต์ไฟฟ้าโต 21.2% รอลุ้นยอดจองมอเตอร์เอ็กซ์โป
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปริมาณการขาย รถยนต์รวมทุกยี่ห้อในตลาด เดือนพ.ย. 2566 มีจำนวน 61,621 คัน ลดลง 9.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ทั้งนี้เมื่อต้นเดือน ม.ค.2566 อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ไทยปี 2566 จะมีปริมาณยอดขาย 9 แสนคัน และเติบโตเพิ่มขึ้น 6% ซึ่งในเวลานี้ตลาดทำได้ ปริมาณการขาย707,454 คัน หรือทำได้เพียง 79%จากเป้าหมายที่คาดไว้ทั้งนี้ตัวเลขยอดขายรวมภายในประเทศเมื่อปี 2565 อยู่ที่ 849,388 คัน หรือเพิ่มขึ้น 11.9% เมื่อเทียบกับปี 2564
และดูตัวเลขจะพบว่าหากตลาดจะทำยอดขายปี2566 ให้เท่ากับปี2565 จะต้องทำยอดขายอีก 192,546 คัน ในเวลา1เดือน ที่เหลือ (ธ.ค.66)อย่างไรก็ตามเมื่อกลางปี2566ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมได้มีการลดเป้าหมายการขายของตลาดรวมเหลือ 855,000 คัน
หากพิจารณาเป้าหมายกลางปี จะพบว่า ตลาดต้องทำยอดขาย ในช่วงเดือนสุดท้ายคือ ธ.ค.66 อีก อย่างน้อย 147,546 คัน
ซึ่งก็เป็นไปได้ยากเพราะว่า ตลาดรถต่อเดือนมีการส่งมอบเฉลี่ยเพียงเดือนละ 60,000 คันเท่านั้น
เก๋งตลาดเดียวที่ยังโต
หากพิจารณาโดยรวมของตลาดพ.ย.66 สามารถแบ่ง ออกเป็น ยอดขายดังนี้ ตลาดรถยนต์นั่ง มียอดขาย 24,567 คัน เติบโต 21.2% ซึ่งเป็นตลาดเดียวในขณะนี้ที่มีการเติบโตต่อเนื่อง รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มียอดขาย 37,054 คัน ลดลง 22.8% และตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มียอดขาย 22,104 คัน ลดลงมากสุด 39.1%
สำหรับตลาดรถยนต์นั่งที่ยังสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 21.2% ด้วยยอดขาย 24,567 คัน นั้นพบว่า มีเพียงรถเก๋งขนาดเล็กหรือ กลุ่มอีโคคาร์ เป็นเซกเมนท์เดียวที่มีการเจริญเติบโตที่ 32.2% ด้วยยอดขาย 18,783 คัน ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ชะลอตัวต่อเนื่องที่ 22.8% เป็นผล มาจาก ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน หดตัวถึง 39.1%
ปัจจัยหลักเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่เติบโต ตามที่คาดการไว้ เพราะ ผู้บริโภคยังคงไม่มั่นใจ โดยมีอุปสรรคสำคัญคือความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ อันเป็นผลมาจากความกังวลต่อความสามารถในการผ่อนชำระของผู้รับสินเชื่อ
ทิศทางตลาดเดือนธ.ค.66
รายงานระบุว่า ปริมาณตลาดรถยนต์ในธันวาคม คาดว่า จะ ฟื้นตัว ตามฤดูกาลขาย(High season) ซึ่งมีแคมเปญกระตุ้นการขายของค่ายรถ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โป 2023 ซึ่งมียอดจองรถทุกยี่ห้อในงานตลอด 14 วัน ได้ถึง 53,248 คัน โดยต้องติดตามต่อไปว่ายอดจองเหล่านี้จะมาผลักดันตลาดรถยนต์เดือนธันวาคม66ให้เติบโตขึ้นได้มากน้อยเพียงใด
ส่วนแบ่งตลาดและปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2566
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 61,621 คัน ลดลง 9.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 21,700 คัน ลดลง 11.6 % ครองส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,415 คัน ลดลง 37.1%ครอง ส่วนแบ่งตลาด 16.9%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,328 คัน เพิ่มขึ้น 0.0% ครองส่วนแบ่งตลาด 11.9% - ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 24,567 คัน เพิ่มขึ้น 21.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 7,512 คัน ลดลง 10.6% ครองส่วนแบ่งตลาด 30.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 3,928 คัน ลดลง 11.5% ครองส่วนแบ่งตลาด 16.0%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 872 คัน ลดลง 41.4% ครองส่วนแบ่งตลาด 3.5% - ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 37,054 คัน ลดลง 22.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 14,188 คัน ลดลง 12.1% ครองส่วนแบ่งตลาด 38.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,415 คัน ลดลง 37.1% ครองส่วนแบ่งตลาด 28.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 3,400 คัน เพิ่มขึ้น 17.6% ครองส่วนแบ่งตลาด 9.2% - ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 22,104 คัน ลดลง 39.1%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 9,377 คัน ลดลง 39.0% ครองส่วนแบ่งตลาด 42.4%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 8,544 คัน ลดลง 37.3% ครองส่วนแบ่งตลาด 38.7%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,324 คัน ลดลง 51.6% ครองส่วนแบ่งตลาด 10.5%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 4,251 คัน
อีซูซุ 1,500 คัน – โตโยต้า 1,422 คัน – ฟอร์ด 845 คัน – มิตซูบิชิ 406 คัน – นิสสัน 78 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 17,853 คัน ลดลง 38.8%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 7,877 คัน ลดลง 38.3% ครองส่วนแบ่งตลาด 44.1%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,122 คัน ลดลง 36.2% ครองส่วนแบ่งตลาด 39.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 1,479 คัน ลดลง 56.8% ครองส่วนแบ่งตลาด 8.3%
สถิติการจำหน่ายรถยนต์ 11เดือน( เดือนมกราคม –พฤศจิกายน 2566)
- ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 707,454 คัน ลดลง 7.7%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 241,844 คัน ลดลง 6.5% ครองส่วนแบ่งตลาด 34.2%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 141,671 คัน ลดลง 27.1% ครองส่วนแบ่งตลาด 20.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 84,516 คัน เพิ่มขึ้น 13.4% ครองส่วนแบ่งตลาด 11.9% - ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 266,365 คัน เพิ่มขึ้น 10.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 92,034 คัน เพิ่มขึ้น 24.7% ครองส่วนแบ่งตลาด 34.6%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 51,297 คัน ลดลง 8.2% ครองส่วนแบ่งตลาด 19.3%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 14,291 คัน ลดลง 26.1% ครองส่วนแบ่งตลาด 5.4% - ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 441,089 คัน ลดลง 16.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 149,810 คัน ลดลง 18.9% ครองส่วนแบ่งตลาด 34.0%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 141,671 คัน ลดลง 27.1% ครองส่วนแบ่งตลาด 32.1%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 33,219 คัน เพิ่มขึ้น 78.2% ครองส่วนแบ่งตลาด 7.5%
4.ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV*) ปริมาณการขาย 301,001 คัน ลดลง 26.9%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 127,260 คัน ลดลง 29.0% ครองส่วนแบ่งตลาด 42.3%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 118,075 คัน ลดลง 25.1% ครองส่วนแบ่งตลาด 39.2%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 33,636 คัน ลดลง 11.6% ครองส่วนแบ่งตลาด 11.2%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง (ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 55,806 คัน
โตโยต้า 20,318 คัน – อีซูซุ 19,531 คัน – ฟอร์ด 10,963 คัน – มิตซูบิชิ 3,930 คัน – นิสสัน 1,064 คัน
- ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 245,195, คัน ลดลง 30.5%
อันดับที่ 1 อีซูซุ 107,729 คัน ลดลง 33.3% ครองส่วนแบ่งตลาด 43.9%
อันดับที่ 2 โตโยต้า 97,757 คัน ลดลง 26.4% ครองส่วนแบ่งตลาด 39.9%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 22,673 คัน ลดลง 24.0% ครองส่วนแบ่งตลาด 9.2%