“เทอร์ร่า” ไมเนอร์เชนจ์พลิกเกมสู้ตลาดPPV ลดราคาเติมอัพชั่นเจาะตลาดครอบครัว

- Advertisement -
- Advertisement -

นิสสันเปิดเกมรถPPV ครั้งใหม่ เปิดตัวเทอร่าไมเนอร์เชนจ์ อย่างเป็นทางการปรับภาพลักษณ์สู่หรูหราสำหรับครอบครัว ใส่ระบบความปลอดภัย คาร์เอ็นเตอร์เทรนเมนท์เต็มพิกัดเคาะราคาเริ่มต้น 1,199,000บาท

Advertisements

กรุงเทพฯ ประเทศไทย (19 ส.ค.2564)รายงานข่าวจากบริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์นิสสัน จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่าบริษัทได้แนะนำรถพีพีวี”เทอร์ร่า” ใหม่ อย่างเป็นทางการในรูปแบบOnline โดยมีการปรับปรุงรถยนต์เทอร์ร่าให้เป็นรถตรวจการณ์เอนกประสงค์(เอสยูวี)สำหรับทุกคนในครอบครัว ที่มีจุดเด่นในด้านความปลอดภัย ความบันเทิง และความเอนกประสงค์ เพื่อตอบสนองการใช้งานในยุคปัจจุบัน

ปรับปรุงโฉมหน้าครั้งใหญ่
นิสสัน เทอร์ร่า ในรูปแบบไมเนอร์เชนจ์ มีการปรับปรุงประสิทธิภาพรอบด้าน ทั้งดีไซน์ภายนอกและภายใน มีความแตกต่างไปจากเดิม และนิสสันยังเพิ่มเทคโนโลยีความปลอดภัย และระบบเพื่อความบันเทิงให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น  เทอร์ร่าใหม่ประกอบในประเทศไทยในฐานะ ศูนย์การผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของนิสสันในภูมิภาคอาเซียน

สำหรับรูปแบบการเปิดตัว นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ มีการแถลงข่าวผ่านสื่อดิจิทัล ทั้งทางเฟซบุ๊ก และเว็บไซต์ทางการของนิสสัน โดยให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ ของทุกคนในครอบครัวผ่านเรื่องราวของการส่งมอบนิสสันเทอร์ร่า ใหม่

นายอิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน บริษัท นิสสัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า นิสสัน เทอร์ร่าใหม่พัฒนาตามความต้องการลูกค้าในประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ระบบความบันเทิงในรถเพิ่มความสนุกสนาน และลดความเครียดในการขับรถทางไกลแต่ความพรีเมี่ยม และความอเนกประสงค์ก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญ

“สิ่งที่ลูกค้าต้องการคือ ต้องการให้เทอร์ร่า ใหม่ เป็นรถสำหรับทุกคนในครอบครัวดังนั้นนิสสันจึงเลือกติดตั้งระบบความบันเทิงระดับพรีเมี่ยมจาก Bose หน้าจอขนาด 11 นิ้ว พร้อม Smart TV stick สำหรับผู้โดยสารแถวสอง และสาม การติดตั้งชาร์จเจอร์แบบไร้สาย และครั้งแรกของรถยนต์อเนกประสงค์ในระดับเดียวกันที่รองรับ  Apple CarPlay แบบไร้สาย และที่สำคัญไม่แพ้จุดอื่นๆ เลยก็คือการปรับดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอก และภายในให้มีความพรีเมี่ยมมากขึ้นซึ่งทุกอย่างนี้จะทำให้ลูกค้าและทุกคนในครอบครัว สนุกกับการเดินทางทั้งในเมือง และนอกเมือง”นายเซคิกุจิกล่าว

Advertisements

ดีไซน์ใหม่เกือบทั้งคัน

นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ พัฒนาจากพื้นฐานของการแชร์แพทฟอร์มร่วมกันของนิสสันหรือ Nissan F-Alpha platform โดยพัฒนาโครงสร้างหลักและการออกแบบให้สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง และน่าประทับใจ ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยความหรูหราและน่าค้นหา โดยถูกพัฒนาให้สอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบตามแนวคิด “Unbreakable Design” ที่ผสมผสานความแข็งแกร่ง ทนทาน เข้ากับความโฉบเฉี่ยวและทันสมัย จากดีไซน์ไฟหน้า Quad LED รูปตัวซีอันเป็นเอกลักษณ์ของนิสสัน ซึ่งได้รับการพัฒนาและตีความในแง่มุมใหม่กับ Quad LED 4 ดวงในแต่ละด้าน พร้อมเพิ่มความสว่างมากขึ้นถึง 34% ด้านท้ายของตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่สปอยเลอร์หลังคาไปจนถึงกันชนด้านล่าง ด้วยการใช้โครเมียมที่แข็งแกร่งและสีเงินเพื่อเพิ่มความรู้สึกที่หรูหรา ก่อนเสริมภาพลักษณ์รถยนต์เอสยูวีระดับพรีเมียมอย่างลงตัว ด้วยขอบล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว

ไม่เพียงการออกแบบภายนอก แต่ นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ยังออกแบบภายในห้องโดยสารอย่างมีสไตล์และให้ความรู้สึกที่กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม จนมั่นใจว่าพร้อมมอบความสะดวกสบายให้กับทั้งผู้ขับและผู้โดยสารทุกคน อาทิ เบาะนั่งดีไซน์ใหม่ที่พัฒนาทั้งเบาะรองนั่งและพนักพิงหลังที่นั่งสบายตลอดการเดินทางมากยิ่งขึ้น
การออกแบบพื้นที่ห้องโดยสารที่คงความกว้างขวาง เสริมความพิเศษด้วยความสามารถในการปรับรูปแบบพื้นที่ห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระได้ตามความต้องการ จากการออกแบบที่นั่งแถวที่สองและสามให้ปรับรูปแบบได้หลากหลาย ทั้งการปรับแถวที่นั่งแบบ Theatre Style Seating ที่ปรับง่าย ๆ ด้วยฟังก์ชั่น Auto Tumble Seat ซึ่งสามารถพับเบาะแถวที่สอง โดยอัตโนมัติแค่เพียงกดปุ่มแบบ 1-touch remote fold & tumble ที่คอนโซลกลาง รวมถึงฝาประตูท้ายเปิด-ปิด ด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์ด้านใต้กันชนหลัง (Auto Lift Gate)** เพื่อความสะดวกในการใช้งานมากกว่าเดิม

เครื่องดีเซล 2.3ลิตร ทวินเทอร์โบ
เทอร์ร่าใหม่ติดตั้ง เครื่องยนต์ดีเซล YS23DDTT(เครื่องยนต์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง) ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ มีกำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร และเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ที่ตั้งใจทำให้การขับขี่นุ่มนวลแต่ทรงพลัง และประหยัดน้ำมัน ทั้งยังสามารถรองรับน้ำมันดีเซลได้ทุกชนิดทั้ง B7, B10 และ B20

นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่มีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อน2 ล้อและระบบขับเคลื่อน4 ล้อ ในส่วนของ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนจากสองล้อ (2H) เป็นโหมดขับเคลื่อนสี่ล้อได้ผ่าน Rotor Switch ที่บริเวณแผงคอนโซลกลาง  พวงมาลัยออกแบบใหม่ มีระบบควบคุมพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังรูปทรง D-shape แบบสปอร์ต (จากเดิมเป็นทรงกลม) มีการปรับอัตราทดพวงมาลัย ให้สามารถควบคุมตัวรถได้อย่างง่ายดาย ระบบช่วงล่างด้านหลังแบบ 5 ลิงค์ (5-Link) ลดความโคลงของตัวรถขณะเข้าโค้ง และการทรงตัวที่ดี


ความปลอดภัยเต็มรูปแบบ

นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ ติดตั้งระบบความปลอดภัย ‘นิสสัน 360° เซฟตี้ ชิลด์ (360 degree Safety Shield  Technology)’ อาทิ เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) ที่ช่วยประเมินว่ารถมีความเสี่ยงที่จะชนกับรถคันข้างหน้าหรือไม่ รวมถึงจะคอยแจ้งเตือนผู้ขับขี่และส่งกำลังเบรกเบาๆ หากพบว่าผู้ขับขี่ยังไม่ลดความเร็วและมีความเสี่ยงที่อาจเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากประเมินว่ามีความเสี่ยงในการชนที่สูง ระบบก็จะทำการเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติทันที เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) ที่ทำงานร่วมกับเทคโนโลยีเตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน Moving Object Detection (MOD) เทคโนโลยีเตือนรถในมุมอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) เทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning – LDW) เทคโนโลยีตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) เทคโนโลยีเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) และเทคโนโลยีเตือนผู้ขับขี่เมื่อรู้สึกถึงการขาดสมาธิหรือเหนื่อยล้า (Intelligent Driver Alertness – IDA) ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยเตือนความปลอดภัยอีกหนึ่งขั้น โดยเฉพาะในยามที่ต้องขับรถทางไกลที่อาจเกิดความเหนื่อยล้า

กระจกมองหลังอัจฉริยะ

นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่มาพร้อมกับเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror เป็นค่ายเดียวในกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์ ที่ใช้ออฟชั่นนี้ โดยกระจก จะแสดงภาพจากกล้องความละเอียดสูงผ่านกระจกมองหลังอัจฉริยะ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยที่ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้มีผู้โดยสารตอนหลัง หรือสัมภาระขนาดใหญ่ รวมถึงยังสามารถปรับมุมมองได้ตามความต้องการของผู้ขับ ระหว่างการแสดงภาพในแบบหน้าจอแอลซีดี (LCD) กับกระจกมองหลังมาตรฐาน

Bose Premium จัดเต็มพิกัดความบันเทิง

ในตัวท็อปไลน์ติดตั้ง ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bose Premium Audio System ซึ่งนิสสันได้ร่วมมือกับแบรนด์เครื่องเสียงระดับโลกอย่าง Bose เพื่อออกแบบการจัดวางลำโพง 8 ตำแหน่ง และแอมพลิฟายเออร์ในนิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ โดยเฉพาะ รวมถึงการเพิ่มฉนวนเพื่อลดเสียงรบกวน และเพิ่ม Acoustic Glass ทั้งกระจกตอนหน้าและประตูคู่หน้าทำให้คุณภาพเสียงที่มีความละเอียดสูงในห้องโดยสาร

หน้าจอสัมผัส Display Audio ใหม่
นิสสันติดตั้งจอขนาด 9 นิ้ว และเทคโนโลยี NissanConnect รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนผ่าน Apple CarPlay แบบไร้สายเป็นครั้งแรกของรถยนต์ในระดับเดียวกัน และรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Android Auto* ทำให้ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงระบบนำทาง (Navigation System) และทุกแอปพลิเคชันความบันเทิงต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว WXGA (1024×768) ที่มีความละเอียดสูงให้ความคมชัดในการใช้งาน พร้อมด้วยระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) ซึ่งได้จัดวางในตำแหน่งที่สะดวกต่อการใช้งานและลดแสงสะท้อนได้เป็นอย่างดี

มอนิเตอร์ใหญ่ แถว2
นิสสันติดตั้งจอ มอนิเตอร์ขนาด 11 นิ้วจากโรงงานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง สามารถเชื่อมต่อผ่านช่อง HDMI หรือ
การเชื่อมต่อแบบสมาร์ททีวี พร้อมด้วยช่องชาร์จไฟที่ผู้โดยสารทุกคนบนรถสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้หลายเครื่องในเวลาเดียวกัน ผ่านช่องชาร์จ USB (ทั้งประเภท A และ C) 5 จุด ทั้งบริเวณคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และในแถวที่สาม นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรก ที่ นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger)ให้กำลังการชาร์จไฟสูง 15 วัตต์ บริเวณคอนโซลหน้า ซึ่งเพียงแค่วางสมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์ที่รองรับก็สามารถชาร์จไฟได้ทันที

4สีให้เลือก
นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ มาพร้อมสีสรรให้เลือกทั้งหมด 4 สีได้แก่ สีขาว ไวท์ เพิร์ล (White Pearl), สีเงิน
บริลเลียนท์ ซิลเวอร์ (Brilliant Silver), สีดำ แบล็ค สตาร์ (Black Star) และสีเทา ทไวไลท์ เกรย์ (Twilight Gray) ขณะที่รุ่น VL (VL 2WD และ VL 4WD) มีสีพิเศษเพิ่ม ได้แก่ สีแดง คูลีส์ (Coulis Red) และสีทองแดง ฟอร์จ คอปเปอร์ (Forged Copper) พร้อมทางเลือกของการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบทูโทน ทั้งโทน สีดำ-แดงเบอร์กันดี (Burgundy) หรือ โทนสีดำ-เบจ (Black and Beige)

ราคา
เทอร์ร่า ไมเนอร์เชนจ์ มีการปรับเกรดรถใหม่คือ

รุ่น 2.3 E 2WD 7AT าคา 1,199,000 บาท (ตัวเริ่มต้นขับเคลื่อน2ล้อ)
รุ่น 2.3 VL 2WD 7AT ราคา 1,449,000 บาท (ตัวทอป ขับเคลื่อน2 ล้อ)
รุ่น 2.3 VL 4WD 7AT ราคา 1,499,000 บาท(ตัวทอป ออฟเดอะไลน์ ขับเคลื่อน4 ล้อ)

ย้อนอดีตเทอร์ร่า ในประเทศไทย

คำว่าเทอร์ร่า ปรากฏตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อ 16 สิงหาคม 2561 โดยบริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดตัว นิสสัน เทอร์ร่า ใหม่ รถยนต์อเนกประสงค์แบบตัวถังบนแชสซีส์ เทอร์ร่าเปิด ให้ลูกค้าจองครั้งแรก 17 สิงหาคม2561 โดยมีราคาเริ่มขายดังนี้
1. รุ่น 2.3 V 2WD 7AT ราคาเริ่มต้นที่ 1,316,000 บาท
2. รุ่น 2.3 VL 2WD 7AT ราคา 1,349,000 บาท
3. รุ่น 2.3 VL 4WD 7ATราคา 1,427,000 บาท
มีให้เลือก 5 สี ได้แก่
สีน้ำตาล เอิร์ธ บราวน์ (Earth Brown),
สีดำ แบล็คสตาร์ (Black Star),
สีขาว ไวท์เพิร์ล (White Pearl),
สีเงิน บริลเลียนท์ ซิลเสอร์ (Brilliant Silver)
สีเทา ทไวไลท์ เกรย์ (Twilight Gray)

การออกแบบเทอร์ร่าตัวแรกเน้นความแข็งแกร่ง บึกบึนโดยด้านหน้ายังมีลักษณะเหมือนกับกระบะนาวาร่า

เทอร์ร่ามีการปรับราคาในรถปี2020 เล็กน้อยโดยมีการแต่งเพิ่มเติมด้วยอุปกรณ์ เช่นกระจังหน้า เปลี่ยนสีใหม่ พื้นฐานของเทอร์ร่าเป็นการพัฒนาเพื่อ ผสมผสานสมรรถนะเครื่องยนต์ใหม่ที่ดีที่สุดในกลุ่มรถดีเซล พีพีวี เปิดตัวในยุคของ อันตวน บาร์เตสเป็น ประธาน นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทยโดย เทอร์ร่าเริ่มต้นผลิตจากฐานการผลิตในประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตของนิสสัน สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เทอร์ร่าถือเป็นหนึ่งในแผนธุรกิจในระยะกลางของนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย หรือ Nissan M.O.V.E. 2022 ที่ต้องการ นำเสนอรถยนต์ใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันแผนดังกล่าว นอกจากเทอร์ร่าแล้วยังมีสินค้าล้ำสมัยอย่าง คิ๊ก อี-เพาเวอร์และนาวาร่า โฉมใหม่หน้าอินเตอร์ล็อคมาทำตลาดด้วย

ซึ่งเทอร์ร่า และรถยนต์ไฟฟ้า นิสสัน ลีฟ ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธฺ์ของนิสสันที่เริ่มเปิดจำหน่ายนับจาก ปีงบประมาณ 2018 เป็นต้นมา

การส่งออกเทอร์ร่าไปตลาดอาเซียน

เครื่องยนต์ตัวแรกที่ติดตั้งใน เทอร์ร่า คือดีเซลระหัส YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ เกียร์ 7 สปีด ให้กำลัง 190 แรงม้าแรงบิด 450 นิวตัน-เมตร

ในช่วงที่เทอร์ร่าเข้าสู่ตลาดครั้งแรก นิสสันได้นำ นิสสัน อินเทลลิเจนต์ โมบิลิตี (ระบบเสริมการขับขี่ให้ปลอดภัย) และเป็นพีพีวีรายแรก และรายเดียวที่มีเทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ หรือ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นทัศนวิสัยด้านหลังขณะขับขี่ นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง หรือ Lane Departure Warning (LDW) เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning (BSW) และเทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่มาพร้อม เทคโนโลยีตรวจจับ และส่งสัญญาณเตือนวัตถุ และบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน หรือ Moving Object Detection (MOD)

นอกจากนี้ยังมีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มาพร้อมเทคโนโลยีป้องกันการลื่นไถล Brake Limited Slip Differential (B-LSD) และระบบ Electronic Rear Differential-Lock รวมถึง เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist (HSA) และเทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ที่ช่วยให้สามารถควบคุมความเร็วของรถได้ในสภาวะการขับขี่ที่สูงชัน และด้วยระยะความสูงจากพื้นถนนถึงใต้ท้องรถ หรือ Ground Clearance ถึง 225 มิลลิเมตร ยังช่วยลดความเสี่ยงจากความเสียหายที่มาจากถนนที่ขรุขระ มีหลุมบ่อไม่ราบเรียบ หรือ การขับรถผ่านพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง

อย่างไรก็ตามแม้นิสสันจะพัฒนาเทอร์ร่าค่อนข้างล้ำสมัยในส่วนของยอดขายกลับไม่เป็นไปตามเป้าหมายและไม่ใช่รถที่อยู่ในตัวเลือกแรกๆ ของตลาดพีพีวี ทั้งนี้นิสสันต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของรถคู่แข่งอย่าง โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ฟอร์ด เอเวอร์เรสและมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต รวมถึง อีซูซุ มิว-เอ็กซ์

Advertisements
- Advertisement -

Related news

- Advertisement -
Exit mobile version