ระเบียบและกฎหมายเกี่ยวกับการเรียกรถยนต์กลับเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง หรือ รีคอล (Recall)” ที่ควรจะเป็นกฏหมายสำหรับคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งเป็นกฏหมายที่มีใช้ในญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลีย โดยเน้นการคุ้มครองผู้ซื้อรถ ขั้นตอนการเรียกคืน หน่วยงานที่กำกับดูแล ความรับผิดชอบของผู้ผลิตและบทลงโทษในกรณีไม่ดำเนินการแต่ในไทยนั้นดูเหมือนว่า ไม่มีระเบียบนี้ทั้งที่เป็นตลาดขนาดใหญ่มีผู้ซื้อจำนวนมาก

Advertisements

กฎหมายการเรียกรถยนต์กลับเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง (RECALL) นั้นมีความสำคัญนอกจากจะยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภคแล้วยังเป็นการป้องกันการจำหน่ายสินค้าที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน รวมถึงป้องกันความปลอดภัยการแอบบจำหนายสินค้าไร้คุณภาพในตลาด นอกจากนี้ยังป้องกันความเสียหายของผู้ประกอบการเอง ในอีกมุมหนึ่ง รีคอลยังมีผลดีต่อภาพพจน์ของเจ้าของสินค้าเองในแง่การรับผิดชอบต่อผู้บริโภค Auto.co.th สำรวจรายละเอียดกฏหมายรีคอลของประเทศต่างๆ ที่เป็นต้นแบบทั้งญี่ปุ่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน ออสเตรเลีย เปรียบเทียบกับการคุ้มครองผู้บริโภครถยนต์ในไทย

เปรียบเทียบกฎระเบียบและกฎหมายการเรียกรถยนต์กลับเพื่อแก้ไขข้อบกพร่อง (RECALL)

1. ญี่ปุ่น (Japan) ประเทศที่เป็นต้นแบบและเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายสำคัญ

  • หน่วยงานกำกับดูแล:
    กระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน คมนาคม และการท่องเที่ยว (MLIT)
  • กฎหมายหลัก:
    Road Transport Vehicle Act
  • ลักษณะการเรียกคืน:
    ผู้ผลิตต้องรายงานและเรียกรถคืนโดยสมัครใจเมื่อพบข้อบกพร่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือสิ่งแวดล้อม
  • บทลงโทษ:
    ปรับสูงสุดถึง 300,000 เยน และ/หรือคำสั่งให้ระงับการขาย
  • ลักษณะเด่น:
    เน้นการเรียกคืนโดยสมัครใจ แต่มีระบบตรวจสอบหลังการผลิตอย่างเข้มงวด

2. สหภาพยุโรป (European Union) หนึ่งในพื้นที่การคุ้มครองผู้บริโภคด้านรถยนต์ที่เข้มงวด

  • หน่วยงานกำกับดูแล:
    European Commission และหน่วยงานกำกับดูแลระดับประเทศ เช่น KBA (เยอรมนี), VCA (สหราชอาณาจักร)
  • กฎหมายหลัก:
    General Product Safety Directive
    Regulation (EU) 2018/858 สำหรับยานยนต์
  • ลักษณะการเรียกคืน:
    ผู้ผลิตต้องแจ้งและดำเนินการเรียกคืนทันทีเมื่อพบว่ารถยนต์อาจไม่ปลอดภัยหรือไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
  • บทลงโทษ:
    แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศสมาชิก แต่รวมถึงการสั่งห้ามจำหน่าย ปรับ และเรียกคืนรถทั้งหมด
  • ลักษณะเด่น:
    ระบบ RAPEX สำหรับแจ้งเตือนสินค้าผิดพลาดทั่วยุโรปแบบรวมศูนย์

3. สหรัฐอเมริกา (United States)

  • หน่วยงานกำกับดูแล:
    National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA)
  • กฎหมายหลัก:
    National Traffic and Motor Vehicle Safety Act of 1966
  • ลักษณะการเรียกคืน:
    ผู้ผลิตมีหน้าที่แจ้ง NHTSA และดำเนินการเรียกคืนทันทีหากพบความเสี่ยงด้านความปลอดภัย หรือไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
  • บทลงโทษ:
    ปรับสูงสุด 24,000 ยูโรต่อกรณี สูงสุด 122 ล้านยูโรต่อกรณีการละเมิด
  • ลักษณะเด่น:
    มีฐานข้อมูล RECALL ให้ประชาชนตรวจสอบ และประชาชนสามารถร้องเรียนได้

4. จีน (China) ในฐานะประเทศที่เกิดใหม่ในวงการBEV และยานยนต์โลก

  • หน่วยงานกำกับดูแล:
    State Administration for Market Regulation (SAMR)
  • กฎหมายหลัก:
    Regulation on the Administration of the Recall of Defective Automotive Products (2013)
  • ลักษณะการเรียกคืน:
    บังคับให้ผู้ผลิตต้องเรียกคืนเมื่อพบข้อบกพร่อง และรัฐสามารถบังคับสืบสวนได้
  • บทลงโทษ:
    ปรับสูงสุด 30,000 หยวนต่อคัน และอาจถูกระงับใบอนุญาต
  • ลักษณะเด่น:
    รัฐมีอำนาจบังคับสูง และกำลังพัฒนา RECALL ครอบคลุมถึงรถพลังงานใหม่ (NEV)

5. ออสเตรเลีย (Australia)

  • หน่วยงานกำกับดูแล:
    Department of Infrastructure, Transport, Regional Development, Communications and the Arts
    • Australian Competition and Consumer Commission (ACCC)
  • กฎหมายหลัก:
    Motor Vehicle Standards Act 1989
    Australian Consumer Law (ACL)
  • ลักษณะการเรียกคืน:
    ผู้ผลิตต้องแจ้งและดำเนินการภายในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงให้ข้อมูลผู้บริโภคอย่างชัดเจน
  • บทลงโทษ:
    ปรับได้สูงถึง 10 ล้านดอลลาร์ หรือ 10% ของรายได้ต่อปี
  • ลักษณะเด่น:
    มีระบบแจ้งเตือน Recall ออนไลน์ และบังคับใช้เข้มงวด

6. ไทย (Thailand) ประเทศที่มีกูรูคีย์บอร์ดด้านยานยนต์เยอะสุดแต่ไม่ค่อยได้ช่วยวงการเท่าไร

การเรียกคืนรถยนต์ (Recall)
ไม่มี พ.ร.บ. เฉพาะเรื่องนี้ในไทย ส่วนใหญ่เกิดจากผู้ผลิตสมัครใจเรียกคืนตามมาตรฐานระดับสากล

  • หน่วยงานกำกับดูแล:
    กรมการขนส่งทางบก (DLT)
    สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)
    กระทรวงอุตสาหกรรม (มาตรฐาน มอก.)
  • กฎหมายหลัก:
    พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522
  • ลักษณะการเรียกคืน:
    ยังไม่มีระบบบังคับที่ชัดเจน ผู้ผลิตใช้มาตรการ “โดยสมัครใจ” เป็นหลัก มีแนวโน้มปกปิดข้อมูลการรีคอล
  • บทลงโทษ:
    ยังไม่มีบทลงโทษเฉพาะด้านยานยนต์ที่เป็น RECALL โดยตรง
  • ลักษณะเด่น:
    ไม่มีการพัฒนาระบบที่ชัดเจน ไม่มีระเบียยรีคอล


ไทยยังล้าหลัง! เมื่อเปรียบเทียบระบบRecallในต่างประเทศ

การ Recall รถยนต์ของประเทศไทย ยังคงอิงกับความสมัครใจของผู้ผลิต ไม่มีบทลงโทษหรือข้อบังคับทางกฎหมายที่ชัดเจนแตกต่างจากประเทศพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐฯ ยุโรป จีน และออสเตรเลีย แม่จะเป็นการเรียกคืนโดยสมัครใจแต่ ก็มีกฎหมายเฉพาะ รองรับการดำเนินคดี ปรับหนัก และมีหน่วยงานกลางกำกับโดยตรง

ขณะที่ไทยแม้จะมีการแจ้ง Recall อยู่บ้างโดยผู้ผลิตรายใหญ่ แต่ยัง ขาดกลไกในการกำกับ ดูแล และบังคับใช้ ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากไม่ทราบว่ารถของตนต้องเข้ารับการแก้ไขหรือไม่ และผู้ผลิตบางรายอาจเพิกเฉยโดยไม่มีผลกระทบทางกฎหมายรวมถึงหากมีการรีคอล ก็จะปกปิดข้อมูลเฉพาะกลุ่มทำให้การรับผิดชอบนี้ไม่มีใครตรวจสอบได้ว่า ครอบคลุมสินค้าที่เสียหายจริงมากน้อยเพียงใด ดังนั้นเราจะพบว่า เมื่อเกิดปัญหาอย่าง”ซื้อรถใหม่แล้วเกิดปัญหาซ้ำซาก”ผู้บริโภคชาวไทยแทบจะไม่ได้รับการคุ้มครองอะไรมากนัก

อเมริกา ใช้ระบบของ NHTSA ที่เปิดให้ประชาชนตรวจสอบเลขตัวถัง (VIN) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลสำคัญและมีโทษปรับสูงถึง 122 ล้านดอลลาร์ หากผู้ผลิตเพิกเฉย

ยุโรป มีระบบ RAPEX แจ้งเตือนข้ามประเทศ หากมีรถรุ่นใดผิดพลาดด้านความปลอดภัย

Advertisements

จีน รัฐสามารถสั่ง Recall ได้โดยไม่ต้องรอให้ผู้ผลิตแจ้ง

ออสเตรเลีย ใช้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคในการลงโทษผู้ผลิตที่เข้มงวดหากไม่ดำเนินการ

ตารางเปรียบเทียบRECALL แต่ละประเทศ

ประเทศหน่วยงานหลักลักษณะการเรียกคืนบทลงโทษจุดเด่น/ข้อจำกัด
ญี่ปุ่นMLITสมัครใจ + รายงานรัฐปรับเล็กน้อยระบบตรวจสอบเข้ม
EUคณะกรรมาธิการ EU + ระดับชาติบังคับตามกฎหมายห้ามขาย/ปรับมีระบบ RAPEX
สหรัฐฯNHTSAบังคับอย่างเข้มงวดปรับหนักโปร่งใส มีฐานข้อมูล
จีนSAMRรัฐมีอำนาจบังคับปรับรายคันครอบคลุม NEV
ออสเตรเลียACCCบังคับเข้มปรับสูงกฎหมายผู้บริโภคเข้ม
ไทยสคบ.สมัครใจเป็นหลักไม่มีบทลงโทษชัดเจนไม่มีระบบ
copywrite@2025

ประเทศไทยจึงควรเร่งจัดตั้งระบบ Recall แห่งชาติ ที่สามารถให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล ตรวจสอบเลขตัวถัง และรับข้อมูลอย่างรวดเร็ว พร้อมกำหนดโทษหากผู้ผลิตเพิกเฉย เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากข้อบกพร่องของรถยนต์ที่นับวันจะมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นทุกวัน

Link ตัวอย่างการเรียกที่ใหญ่สุดในโลก จาก กรณีTakata’s airbag หรือถุงลมนิรภัย ทาคาตะ

ฮอนด้า โตโยต้า

ตัวอย่างช่องทางการตรวจสอบการรีคอลทั่วไป

ฟอร์ด เมอร์เซเดส-เบนซ์

รถยนต์มีปัญหาร้องเรียนที่ใดได้บ้าง

หน่วยงานเบอร์ติดต่อ
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)สายด่วน: 1166
กรมการขนส่งทางบกสายด่วน: 1584
กรมการค้าภายใน (กระทรวงพาณิชย์)สายด่วน: 1569
สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) 0-2239-1839
(09.00 – 18.00 น.)
ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนด้านคุณภาพยานยนต์ สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม(สมอ.)Call Center. (02) 202-2301-4
Advertisements