11 ต.ค.67 -กรุงเทพฯนายทาคาชิ ฮาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ผู้จำหน่ายรถยนต์อีซูซู จากอีซูซู มอเตอร์ ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า อีซูซุ ได้แนะนำรถไฮบริดครั้งแรกในชื่อรุ่น “Isuzu D-Max MHEV” เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ โดยใช้ เทคโนโลยี Mild Hybrid ซึ่งช่วยให้การขับขี่ดีขึ้นทั้งด้านการออกตัวการประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม D-Max MHEV ใช้เครื่องยนต์1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ โดยเปิดจำหน่าย ใน 2 รุ่นย่อย คือ
1. D-Max Hi-lander 1.9 Ddi MHEV เกรด M เกียร์อัตโนมัติสีขาวมุกโดโลไมท์ ราคา1,145,000บาท
2. D-Max แคป4 1.9 Ddi MHEV เกรด S เกียร์อัตโนมัติ สีเงินโบฮีเมี่ยน เมทัลลิค ราคายังไม่ประกาศ
โดยจะเริ่มจำหน่ายวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567
ราคาเปรียบเทียบ
| เกรด | ราคา(THB) | ส่วนต่าง |
|---|---|---|
| Hi-Lander 1.9 Ddi M A/T | 1,135,000 | ส่วนต่างราคาเพิ่ม 0.88% |
| Hi-lander 1.9 Ddi MHEV | 1,145,000 | หรือ 10,000 บาท |
| Cab4 1.9 Ddi S A/T | 786,000 | (ราคาอาจะเพิ่ม 1หมื่นหรืออาจแค่6,917 บาท) |
| แคป4 1.9 Ddi MHEV | N.A | ประมาณการณ์ 808,000* บาท |
Isuzu D-Max MHEVเทคโนโลยี Mild Hybrid มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.9 Ddi MHEV มาตรฐาน EURO 5 พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมการขับเคลื่อนรถยนต์ที่ช่วยในการออกตัวและขณะที่เร่งเครื่องและระบบแปลงพลังงานที่สูญเสียในขณะถอนคันเร่งหรือเบรกเป็นพลังงานไฟฟ้า (REGENERATIVE BRAKING SYSTEM) แบตเตอรี่ไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์ 4 แอมป์ความจุ 370วัตต์-ชั่วโมง ช่วยลดการปล่อยไอเสียและสามารถปั่นไฟเพื่อชาร์จพลังงานเมื่อถอนคันเร่ง (Engine Brake) ตามมาตรฐานEURO 5 หน้าจอ Integrated MID ขนาดใหญ่ 7 นิ้วพร้อมสัญลักษณ์การชาร์จแบตเตอรี่แสดงข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบปรับเปลี่ยนดีไซน์หน้าจอได้ 2 สไตล์และเชื่อมต่อข้อมูลกับ Infotainment Display สะดวกยิ่งขึ้น การรับประกัน อีซูซุให้การรับประกัน เครื่องยนต์1.9 Ddi 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร แบตเตอรี่ Mild Hybrid 10 ปีหรือ 350,000 กิโลเมตร และระบบ Mild Hybrid 5 ปีหรือ175,000กิโลเมตร
เกรด M คือ ตัวทอปของไลน์อัพ 1.9 ไฮแลนเดอร์ จะมีบางอย่างให้มา เช่นล้อ 18 เป็น19 ความสูงใต้ท้องรถ 235มม เป็น240มม กระจกนิรภัย ซ้อนอัดและมี IR CUT ระบบคุมความเร็วACC เต็มระบบ จำนวนมือจับมี 8 ตำแหน่งเหมือนตัวทอปของ 3.0 จากทั่วไปมี7 ตำแหน่ง ระบบADASเต็มระบบ
เปิดสเปคเครื่องยนต์ยังไม่อะไรเปลี่ยน
สเปคเครื่องยนต์อง Hi-Lander 1.9 Ddi MHEV M A/T เป็นเครื่องอีซูซุดีเซล RZ4E-TC MHEV (EURO5) 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) ระบายความร้อนด้วยน้ำ คอมมอนเรลไดเร็คอินเจคชั่น พร้อม VGS TURBO และอินเตอร์คูลเลอร์ (มอก. 3018-2563) พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมการขับเคลื่อนรถยนต์ และระบบแปลงพลังงานที่สูญเสียในขณะถอนคันเร่งหรือเบรกเป็นพลังงานไฟฟ้า (REGENERATIVE BRAKING SYSTEM) พร้อมแบตเตอรี่ DC ขนาด 48โวลต์ให้กำลัง 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด350/1,800 – 2,600 (นิวตัน-เมตร / รอบต่อนาที) ความจุกระบอกสูบ 1,898 (ซีซี)ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก 80 x 94.4 (มม.)ความจุถังน้ำมัน 76(ลิตร)
ตอนนี้ข้อมูลเรื่องประหยัดไม่มีมีแต่ตัวเดิมที่เป็นยกสูง ตัวเอส คือ 15.6 กิโลเมตร/ลิตร คอมบายโหมดผสม ส่วนสเปคตัวแท้จริงจะขนาดไหนเดี๋ยวขอให้รออีกระยะหนึ่ง
ระบบกันสะเทือน
หน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง พร้อมโช้กอัพแก๊ส หลังแหนบแผ่นรูปครึ่งวงรี พร้อมโช้กอัพแก๊ส (แหนบเหนือเพลา) ล้อและยาง เป็นล้ออัลลอยแบบทูโทน 18″ x 7.5J มิติตัวรถ ยาว x กว้าง x สูง (มม.) 5,280 x 1,870 x 1,790 (มม.)
น้ำหนักเพิ่ม45 กก.
ที่น่าสนใจคือน้ำหนักรถ จากตัวปกติ 1870 กก.เป็น 1915 กก. ก็ไปอยู่ในคลาสของเครื่อง 3.0ลิตรนะ ที่มี 1935 กก.กับ 1960กก. เป็นน้ำหนักมาตรฐาน เพิ่มขึ้น 45 กก. ส่วนแคป 4 ตัวเอส นั้น น้ำหนัก 1780 กก.
ตัวมาดวัด เพิ่มข้อมูล
แบบ Integrated พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาด 7 นิ้ว (MID) พอมาเป็นตัวไฮบริด มาตรวัดจะมาพร้อมไฟแสดงสถานะการชาร์จแบตเตอรี่ และไฟแสดงความผิดปกติของระบบ MHEV
| รุ่น | รายละเอียด | ราคา(THB ) |
|---|---|---|
| Hi-Lander | 1.9 Ddi Z | 947,000 |
| 1.9 Ddi Z A/T | 982,000 | |
| 1.9 Ddi ZP | 1,020,000 | |
| 1.9 Ddi ZP A/T | 1,055,000 | |
| 3.0 Ddi ZP | 1,056,000 | |
| 1.9 Ddi M A/T | 1 135 000 | |
| 1.9 Ddi MHEV M A/T | 1,145,000 | |
| 3.0 Ddi M A/T | 1,164,000 |
| รุ่น | รายละเอียด | ราคา(THB) |
|---|---|---|
| Cab4 | 1.9 Ddi S | 746,000 |
| *1.9 Ddi S A/T | 786,000 | |
| 1.9 Ddi L | 824,000 | |
| 1.9 Ddi L A/T | 864,000 | |
| 1.9 Ddi Z | 890,000 | |
| *ตัวที่นำมาทำไฮบริด |
นายฮาตะ กล่าวอีกว่า จากนโยบายส่งเสริม“โซลูชั่นส์อันหลากหลายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน”หรือMulti-pathways to Carbon Neutrality ที่อีซูซุประกาศไว้เมื่อเดือนมีนาคมในครั้งนี้อีซูซุได้เดินหน้าผลิตรถเพื่อการพาณิชย์ทางเลือกรูปแบบใหม่กับ “Isuzu D-Max MHEV” เทคโนโลยี Mild Hybrid ทางเลือกใหม่…เพื่อโลกที่ดีขึ้นซึ่งผ่านการทดสอบภายใต้สภาพการใช้งานจริงทั่วประเทศมาแล้วเหมาะสำหรับกลุ่มคนในกรุงเทพฯหรือเมืองใหญ่ที่ใช้งานส่วนตัวหรือใช้งานในเมืองเป็นหลักรวมถึงลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้นทั้งด้านการออกตัวการประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“อีซูซุเชื่อมั่นว่ารถเพื่อการพาณิชย์ทางเลือกรูปแบบใหม่นี้และโปรเจกต์ความเป็นกลางทางคาร์บอนต่างๆ อาทิการพัฒนาพลังงานสะอาดรูปแบบใหม่โดยการทดสอบการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสม HVO น้ำมันไบโอดีเซลเจนเนอเรชั่นใหม่สังเคราะห์จากน้ำมันพืชใช้แล้วและการส่งเสริมการทดลองโซลูชั่นการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในประเทศไทย จะช่วยให้อีซูซุสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ใช้รถควบคู่ไปกับการส่งมอบความสุขที่ยั่งยืนในการเข้าสู่สังคมความเป็นกลางทางคาร์บอนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการรับมือกับโลกยานยนต์อนาคต”นายฮาตะกล่าว
สำหรับรถพื้นฐานของ อีซูซู คือ “ออลนิว อีซูซุดีแมคซ์ พลานุภาพ…พลิกโลก!” เปิดตัวครั้งแรก ตุลาคมปี 2562(2019) แต่ยังไม่มีรุ่นเกียร์อัตโนมัติ จนกระทั่งสิงหาคม 2563 (2020)อีซูซุได้แนะนำรถปิกอัพ “ออลนิว อีซูซุดีแมคซ์ พลานุภาพ…พลิกโลก!” เครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่มีการเพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติให้เลือก มาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ช่วยในการควบคุมรถได้ง่ายทุกสถานการณ์อย่างครบครัน ได้แก่ ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESC (Electronic Stability Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีขณะออกตัว TCS (Traction Control System) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA (Hill Start Assist) และระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control) โดยมีรายละเอียดและราคา ดังนี้
- อีซูซุดีแมคซ์ แค็บโฟร์ รุ่น S ราคา 721,000 บาท สีเมทัลลิก เพิ่ม 7,000 บาท)
- ซูซุดีแมคซ์ สเปซแค็บ รุ่น S ราคา 640,000 บาท (สีเมทัลลิก เพิ่ม 7,000 บาท)
- อีซูซุดีแมคซ์ สปาร์ค 4×2 ซึ่งมีการปรับโฉมห้องโดยสารใหม่ เพิ่มที่วางแขนพร้อมช่องเก็บของระหว่างที่นั่งคนขับและผู้โดยสาร ราคา 607,000 บาท(สีเมทัลลิก เพิ่ม 7,000 บาท)
- อีซูซุดีแมคซ์ แค็บ/แชสซีส์ ราคา 545,000 บาท อีซูซุ ดีแมคซ์” มาเปิดตัวเวอร์ชั่นไมเนอร์เชนจ์อีกที ภายใต้คอนเซ็ป เหนือลิมิต…พิชิตโลก “NEW! ISUZU D-MAX” UNLOCK YOUR POTENTIAL ตุลาคม ปี 2566
