Advertisements
Home Motor Sport เปิดมติครมประวัติศาสตร์ เคาะไทยจัดแข่ง F1 ปี 2571

เปิดมติครมประวัติศาสตร์ เคาะไทยจัดแข่ง F1 ปี 2571

#66: Marcus Armstrong, Meyer Shank Racing w/ Curb-Agajanian Honda

วันที่ 17 มิถุนายน 2568 – ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์สูตรหนึ่งชิงแชมป์โลก รายการ FIA Formula One World Championship ในช่วงปี พ.ศ. 2571–2575 (ระยะเวลา 5 ปี) โดยเป็นหนึ่งในวาระสำคัญของการประชุมวันนี้ (วาระที่ 14) ที่นำเสนอโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากได้จัดทำผลการศึกษาและวิเคราะห์ความเป็นไปได้ครบถ้วนแล้ว

Advertisements
Advertisements

ทั้งนี้ ครม. รับทราบผลการศึกษาความเหมาะสมของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพการแข่งขัน โดยสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ร่วมกับ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการศึกษาในมิติต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งด้านสนามแข่งขัน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนการประเมินผลกระทบและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ

สำหรับกรอบงบประมาณในการดำเนินโครงการ จะต้องเป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (สงป.) และจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหลังจากรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว

#26: Colton Herta, Andretti Global w/ Curb-Agajanian Honda

คาดผู้เข้าร่วมทะลุ 4แสนคนต่อปี

ข้อมูลการคาดการณ์เบื้องต้นระบุว่า หากประเทศไทยสามารถจัดการแข่งขัน Formula One ได้สำเร็จในปี 2571 จะมีผู้เข้าร่วมงานเฉลี่ยราว 407,132 รายต่อปี แบ่งเป็นผู้ชมในประเทศราว 314,509 ราย และนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 92,622 ราย โดยประเมินว่าจำนวนผู้เข้าชมตลอด 3 วันของการแข่งขันจะอยู่ที่ประมาณ 299,625 คนต่อปี

เม็ดเงินสะพัดเฉลี่ย 1.6หมื่นล้านต่อปี

ในช่วง 5 ปีของการจัดการแข่งขัน คาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่เศรษฐกิจไทยหลายด้าน ดังนี้:

  • เงินหมุนเวียนจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว เฉลี่ยปีละ 16,000 ล้านบาท
  • มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เฉลี่ยปีละ 14,000 ล้านบาท
  • รายได้ภาษีภาครัฐ เฉลี่ยปีละ 1,400 ล้านบาท
  • การลงทุนใหม่ เฉลี่ยปีละ 7,000 ล้านบาท
  • การจ้างงานใหม่ เฉลี่ยประมาณ 8,000 ตำแหน่งต่อปี

หน่วยงานที่ร่วมดำเนินการ

นอกจาก สสปน. และ กกท. แล้ว กรุงเทพมหานครยังมีบทบาทในการวางแผนและพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการแข่งขัน ส่วนการจัดทำแผนแม่บทในภาพรวม ได้รับมอบหมายให้ สสปน. บูรณาการร่วมกับ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.), สงป., และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

Advertisements

การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพ Formula One ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่แสดงถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับโลก โดยจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และภาพลักษณ์ของประเทศในระดับสากลอย่างเป็นรูปธรรม.

สำหรับรายละเอียด วาระที่ 14. มีดังนี้      เรื่อง     การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ FIA FORMULA ONE WORLD CHAMPIONSHIP ในประเทศไทย ประจำปี 2571 – 2575 (5 ปี) การเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ FIA FORMULA ONE WORLD CHAMPIONSHIP ในประเทศไทย ประจำปี 2571 – 2575 (5 ปี)
                     คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทย และผลการศึกษารายละเอียดด้านสนามแข่งขันที่เหมาะสมและการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสนามแข่งขัน และเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพโครงการจัดการแข่งขันรถยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ FIA FORMULA ONE WORLD CHAMPIONSHIP ประจำปี พ.ศ. 2571 – 2575 (5 ปี)
(การจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One) สำหรับกรอบงบประมาณค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ให้ดำเนินการตามความเห็นสำนักงบประมาณ (สงป.) และเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง โดยให้รับความเห็นหน่วยงานไปพิจารณาด้วย
                     สาระสำคัญของเรื่อง
                     1. หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (23 เมษายน 2567) มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ (1) ให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) ศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทย เพื่อพิจารณาดำเนินการประมูลสิทธิการจัดการแข่งขันรถยนต์ดังกล่าวต่อไป (2) ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ศึกษารายละเอียด ด้านสนามแข่งขันรถยนต์ Formula One ที่เหมาะสมและการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้อง กับสนามแข่งขันดังกล่าว (3) ให้กรุงเทพมหานครพิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการจัดการแข่งขันรถยนต์ดังกล่าว และ (4) ให้ สสปน. ร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ (สงป.) กกท. กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาจัดทำแผนการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป กกท. และ สสปน. จึงได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทยในด้านต่าง ๆ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

ผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขัน

ประเด็นรายละเอียด
วัตถุประสงค์เพื่อสร้างรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจ และเกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
– เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการเป็นศูนย์กลางในการ
  จัดการแข่งขันกีฬาชั้นนำของโลก และ World Class Event Hub
– เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทย
– เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ของบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับกีฬายานยนต์
ระยะเวลา
การจัดงานแข่งขัน
– จำนวน 3 วันต่อปี เป็นเวลา 5 ปี (ตั้งแต่ปี 2571 – 2575)
– ตรงกับวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ของเดือนมีนาคมหรือเดือนกันยายน
พื้นที่ ที่มีศักยภาพในการจัดการแข่งขันพื้นที่ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดงานเบื้องต้น คือ พื้นที่บริเวณจตุจักรประกอบด้วย 8 พื้นที่หลัก ได้แก่
– พื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 838 ไร่
– พื้นที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 มีขนาดพื้นที่ประมาณ 109 ไร่
– พื้นที่ตลาดนัดจตุจักร มีขนาดพื้นที่ประมาณ 241 ไร่
– พื้นที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ มีขนาดพื้นที่ประมาณ 207 ไร่
– พื้นที่สวนจตุจักร มีขนาดพื้นที่ประมาณ 163 ไร่
– พื้นที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) มีขนาดพื้นที่ประมาณ 418 ไร่
– พื้นที่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) มีขนาดพื้นที่ประมาณ 45 ไร่
– พื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย มีขนาดพื้นที่ประมาณ 146 ไร่
แผนการใช้งานพื้นที่
สำหรับการจัดงาน
– จุด Safety/Ticket Check กระจายอยู่ในจุดต่าง ๆ ภายในสนามแข่งขันได้แก่
  พื้นที่สวนจตุจักร สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และสวนสมเด็จพระนางเจ้า
  สิริกิติ์ฯ และกระจายอยู่พื้นที่โดยรอบสนามแข่งขัน ได้แก่ บริเวณตลาดนัด
  จตุจักร บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 บริเวณพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
  และบริเวณพื้นที่จอดรถของสวนจตุจักร
– พื้นที่ Fan Zone ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และกิจกรรม
  สร้างประสบการณ์ต่าง ๆ ของผู้เข้าชม จะกระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ของงาน
  เช่น (1) ภายในสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ขนาดพื้นที่ 53,440 ตารางเมตร
  (2) ภายในสวนจตุจักร ขนาดพื้นที่ 24,000 ตารางเมตร (3) ภายในสวนรถไฟ
  ขนาดพื้นที่ 13,000 ตารางเมตร และ (4) พื้นที่บริเวณทิศตะวันตก
  ของสถานีขนส่งหมอชิต 2 ขนาดพื้นที่ 22,000 ตารางเมตร
– พื้นที่ Grandstand เป็นที่นั่งบนอัฒจันทร์ที่จัดเตรียมไว้สำหรับผู้ชมทั่วไป
  เพื่อชมการแข่งขัน กระจายตามจุดต่างๆ ของสนาม มีจำนวน 93,500 ที่นั่ง
– พื้นที่ Paddock Club เป็นพื้นที่โซน VIP ตั้งอยู่บนอาคาร Pit Lane มีจำนวน
  4,000 ที่นั่ง
– พื้นที่ VIP Hospitality เป็นพื้นที่โซน VIP โดยเป็นที่นั่งบนอัฒจันทร์
  Grandstand ในตำแหน่งพิเศษ
การเข้าถึงพื้นที่
ที่มีศักยภาพ
ในการจัดการแข่งขัน
  แบ่งเป็น 4 ทิศทาง โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายในการเดินทางที่สัมพันธ์กัน 
  ระหว่างพื้นที่นั่งชมและทางเข้าที่ใกล้กันเป็นหลัก
– ทางทิศตะวันออก แนะนำเดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT, BTS และรถส่วนตัวไม่
  แนะนำรถประจำทาง เนื่องจากมีการปิดถนนเพื่อเป็นเส้นทางแข่งขันโดยเหมาะ 
  สำหรับผู้เข้าชมที่ต้องการเข้าพื้นที่ Fan Zone ภายในสวน (A1 และ A2)
– ทางทิศเหนือ แนะนำเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS ห้าแยกลาดพร้าว รถไฟฟ้า
  MRT พหลโยธิน รถประจำทาง หรือรถส่วนตัว โดยเหมาะสำหรับผู้เข้าชม ที่นั่ง 
  Grandstand ฝั่งทิศเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ (B1 B2 และ B3)
– ทางทิศตะวันตก แนะนำเดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT หรือ SRT ลงสถานีกลาง
  บางซื่อ หรือรถส่วนตัว โดยเส้นทางพิเศษจากทางด่วน โดยเหมาะสำหรับ
  ผู้เข้าชม Grandstand และ Paddock Club บริเวณเส้นชัย (C1 และ C2)
– ทางทิศใต้ แนะนำเดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีกำแพงเพชร รถประจำ
  ทางหรือรถส่วนตัว โดยเหมาะสำหรับผู้เข้าชมที่นั่ง Grandstand ฝั่งทิศตะวันตก
  และตะวันตกเฉียงใต้ (D1)
การคาดการณ์
จำนวนผู้เข้าชมงาน
  ผลการคาดการณ์จำนวนผู้เข้าร่วมงาน Formula One ในประเทศไทย
  ในกรณีที่มีจัดงานในปี 2571 (ค.ศ. 2028) โดยพิจารณาสัดส่วนของผู้เข้าร่วมการแข่งขันรถยนต์ Formula One จากจำนวนนักท่องเที่ยว  ภายในประเทศและนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ของ 21 เมือง/ประเทศเจ้าภาพ พบว่า มีความเป็นไปได้ในระดับสูงที่จะมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานFormula One ในประเทศไทยในปี 2571 ที่ค่าเฉลี่ยจำนวน 407,132 ราย โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานต่ำสุด อยู่ที่ 81,918 ราย และสูงสุด อยู่ที่ 598,983 ราย  [แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
(1) ผู้เข้าร่วมงานภายในประเทศ จำนวน 314,509 ราย และจะมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานจากต่างประเทศ จำนวน 92,622 ราย
ผลประโยชน์
ทางเศรษฐกิจ
– ในช่วงปี 2571 – 2675 จะมีผู้เข้าชมการแข่งขันรถยนต์ Formula One จำนวน 99,875 ต่อวัน จำนวน 3 วัน รวมทั้งสิ้น 299,625 คนต่อปี (สัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทย : นักท่องเที่ยวต่างชาติ = 70 : 30)
– ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องเช่น  โรงแรม ร้านอาหาร และบริการขนส่ง ทำให้เงินสะพัดทางเศรษฐกิจ ระหว่างการจัดการแข่งขันเฉลี่ยอยู่ที่ 16,000 ล้านบาทต่อปี
– ส่งผลให้มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 14,000 ล้านบาทต่อปี
– สร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีภาครัฐเฉลี่ย 1,400 ล้านบาทต่อปี
– เกิดการลงทุนใหม่เฉลี่ยประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี สร้างงานใหม่ในประเทศไทยประมาณ 8,000 ตำแหน่งต่อปี
ผลประโยชน์
ทางสังคม
– เกิดการพัฒนาเมืองและการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เป็นตัวเร่งการ  พัฒนาเมืองโดยเฉพาะเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และช่วยให้เกิดการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ระบบขนส่งมวลชน ดิจิทัล การเงิน ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
– สร้างโอกาสในการจ้างแรงงานหลากหลายระดับ ตั้งแต่แรงงานไร้ฝีมือ  ไปจนถึงแรงงานที่มีทักษะสูง เช่น วิศวกรสนามแข่ง
– เกิดการกระจายรายได้ไปยังประชาชนในระดับต่าง ๆ สู่ชุมชนท้องถิ่นเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
– กระตุ้นความสนใจด้านวิศวกรรม เทคโนโลยี และ STEM Education ในกลุ่มเยาวชน เนื่องจากการแข่งขันรถยนต์ Formula One แสดงให้เห็นถึง ความก้าวหน้าของวิศวกรรม เครื่องกล และอากาศพลศาสตร์
– ส่งเสริม Soft Power และเสริมสร้างอัตลักษณ์และความภาคภูมิใจของชาติ เช่น ช่วยเผยแพร่เอกลักษณ์ของประเทศผ่านวัฒนธรรม อาหาร และศิลปะสร้าง ภาพลักษณ์และความภาคภูมิใจ และประชาชนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเวทีระดับโลก
– เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม เช่น สร้างโอกาสในการส่งเสริมวัฒนธรรม
  ท้องถิ่นผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เทศกาลดนตรี เทศกาลอาหาร และนิทรรศการ
  ทางวัฒนธรรม
– ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและแฟนกีฬาชนิดอื่น ๆ
ความท้าทาย
ทางสังคม
– ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานสูงทั้งพลังงานฟอสซิล และไฟฟ้า
  มลพิษทางอากาศ มลพิษทางแสง และปัญหาการจัดการขยะ
– การรบกวนชุมชน เช่น ราคาสินค้าและบริการ และค่าครองชีพในพื้นที่สูงขึ้นการ
  ปิดถนน/การจราจรติดขัด ความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยและมลพิษ
  ทางเสียงทั้งจากเสียงเครื่องยนต์และเสียงลำโพงที่กระทบ ต่อชุมชน
– การย้ายถิ่นฐานทางสังคม เช่น ราคาที่อยู่อาศัยและค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น
  การจราจรติดขัด/การปิดถนน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการเดินทาง
  ประจำวันของคนท้องถิ่น
– ประชาชนในพื้นที่ถูกบังคับให้ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวัน
Advertisements
Exit mobile version