3 สิงหาคม 2560 – มิชลิน เปิดตัวยางรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ MICHELIN Power RS ด้วยนวัตกรรมยางเพื่อรถจักรยานยนต์สปอร์ต ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ครอบคลุมทุกการใช้งานของรถจักรยานยนต์ที่ใช้ยางสมรรถนะสูงทุกประเภท
นายอดัม สตอรีย์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด ผลิตภัณฑ์ยางรถจักรยานยนต์ ภูมิภาคเอเชีย บริษัท สยามมิชลิน จำกัด เปิดเผยว่า MICHELIN Power RS เป็นยางรุ่นใหม่ล่าสุดในประเภทยางรถมอเตอร์ไซค์สมรรถนะสูงของมิชลิน โดยออกแบบมาเพื่อตอบสนองตลาดรถจักรยานยนต์สปอร์ตบิ๊กไบค์ขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีของยาง MICHELIN Power RS มีคุณสมบัติโดดเด่นในการยึดเกาะถนน มีความมั่นคงเสถียร และการควบคุมระหว่างการขับขี่ รวมถึงความคล่องแคล่วว่องไว ทำให้ปลอดภัย สนุก และมีความสุนทรีย์กับการขับขี่มากขึ้น ตลอด 2 ปีของการวิจัยพัฒนาร่วมกับมอเตอร์สปอร์ต มิชลินนำเสนอยาง MICHELIN Power RS ที่มีประสิทธิภาพก้าวล้ำไปอีกระดับ สร้างสถิติใหม่ในตลาดยางรถจักรยานยนต์สปอร์ต
จากการทดสอบการควบคุมบนถนนโดยสถาบัน Motorrad Test Center ในเดือนตุลาคม 2559 ที่สนามแข่ง Boxberg et Neuhausen ประเทศเยอรมันนี ด้วยการเปรียบเทียบระหว่าง Michelin Power RS กับคู่แข่งชั้นนำ ผลปรากฎว่า ยาง Michelin Power RS มีประสิทธิภาพเป็นอันดับหนึ่งของรถสปอร์ตบนท้องถนน อาทิ การเกาะถนนความเสถียรในการเข้าโค้งทั้งผิวเรียบและไม่เรียบ การควบคุมแฮนรถขณะเข้าโค้ง ความเสถียรขณะเร่งความเร็ว การควบคุมรถขณะเข้าโค้งต่อเนื่อง และจังหวะเบรคขณะกำลังเข้าโค้ง ในขณะที่ผลการทดสอบจาก DEKRA ระบุว่า Michelin Power RS มีอายุการใช้งานสูงสุดเช่นกัน
นายสตอรีย์ กล่าวว่า มิชลินมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนายางสมรรถนะสูงสำหรับรถจักรยานยนต์มาอย่างยาวนาน ซึ่งการปฏิวัติสถาปัตยกรรมสำหรับยางรถจักรยานยนต์ด้วยเทคโลยีใหม่ (Michelin Adaptive Casing Technology (ACT+) ทำให้ยางมิชลินมีความพิเศษและสมรรถนะที่เหนือกว่า
มิชลิน ได้จำหน่ายยางรถยนต์สมรรถนะสูงสำหรับใช้ในการแข่งขันโดยเฉพาะ MICHELIN Power Slick Evo ยางสำหรับสำหรับไฮเปอร์สปอร์ต (95% สนามแข่ง) MICHELIN Power Cup Evo, และยางสำหรับสปอร์ตทัวริ่ง
MICHELIN Pilot Road 4 (0% สนามแข่ง) ซึ่งมิชลินเป็นผู้นำตลาด ดังนั้น การนำเสนอยางสำหรับรถจักรยานสปอร์ต MICHELIN Power RS ทำให้มิชลินตอบสนองทุกความต้องการใช้งานในตลาดประเทศไทย
ในปีที่ผ่านมา แม้ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กจะมียอดจำหน่ายที่ลดลง แต่ตลาดรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่หรือรถบิ๊กไบค์ยังเป็นตลาดที่มีอนาคตสดใส เพราะความต้องการของผู้บริโภคยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า ตลาดรวมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ปีนี้จะจำนวนมากกว่า 20,000 คัน ขณะเดียวกัน รถบิ๊กไบค์ในกลุ่มมิดไซด์ หรือ ขนาดกลาง มีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงขึ้น เพราะมีราคาถูกลง และผู้ผลิตเข้ามาเจาะตลาดนี้มากขึ้น
