Friday, November 22, 2024

มิชลิน ส่งตรงเทคโนโลยีจากการแข่งขันสู่ท้องถนน ผ่านโมโตจีพี วินเทอร์เทสต์ ครั้งแรกของประเทศไทย

- Advertisement -spot_imgspot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img

มิชลิน ผู้สนับสนุนยางสำหรับการแข่งขันโมโตจีพีอย่างเป็นทางการ ร่วมการทดสอบช่วงวินเทอร์เทสต์ โมโตจีพี เป็นครั้งแรกในประเทศไทยระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยการทดสอบถือว่าเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญมากในการพัฒนารถแข่งของทุกๆ ทีม โดยในปีนี้มีเพียง 3 แห่งที่ถูกเลือกให้เป็นสนามทดสอบ คือ เซปัง อินเตอร์เนชั่น เซอร์กิต มาเลเซีย, ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และโลแซล อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กาต้าร์  ในการทดสอบตลอดทั้ง 3 วัน มีแฟนโมโตจีพีชาวไทยและชาวต่างประเทศหมุนเวียนเข้าสู่บริเวณสนาม ชื่นชมลีลาการขับขี่ของซูเปอร์สตาร์โมโตจีพี เช่น เดอะด็อกเตอร์ วาเลนติโน รอสซี่, มาร์ค มาร์เกซ, ฮอร์เก ลอเรนโซ, มาเวริค บีญาเลส, อันเดรีย โดวิซิโอโซ และ แดนี เปโดรซ่า รวมถึงยอดนักบิดโมโตจีพีอีกกว่า 20 คน ก่อนจะเข้าสู่ความเร้าใจอย่างแท้จริงในสนามเปิดฤดูกาลกลางเดือนมีนาคมนี้

ปิเอโร ทารามัสโซ่ ผู้อำนวยการ มอเตอร์สปอร์ต ผลิตภัณฑ์ 2 ล้อ ของมิชลิน ผู้ดูแลยางสำหรับการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทุกประเภททั่วโลก รวมถึงโมโตจีพี ให้ทัศนะถึงการทดสอบวินเทอร์เทสต์ โมโตจีพี ในประเทศไทยว่า รูปแบบของสนามช้างฯ สุดทางตรงความเร็วสูงก่อนการเข้าโค้งจำเป็นต้องใช้เบรกหนัก โดยเฉพาะ โค้ง 1 และ 3 รวมถึงในเซ็กเตอร์ที่ 2-3 ก็เป็นโค้งต่อเนื่องที่ต้องใช้เทคนิค โดยรวมถือว่ามีความท้าทายในเรื่องการขับขี่และการเซ็ตอัพที่ต้องเหมาะสมกับสนามที่มีคาแร็กเตอร์ที่หลากหลาย นักบิดต้องใช้ทุกอย่างเต็มกำลัง และมีสภาพอากาศร้อนใกล้เคียงกับที่เซบัง เซอร์กิต แต่ที่ยอดเยี่ยมคือมีผู้ชมคนดูให้ความสนใจมากแม้จะเป็นการซ้อมเตรียมพร้อมก่อนเปิดฤดูกาลแข่งขัน ทีมงานมิชลินระดับมืออาชีพที่เดินทางไปทุกสนามแข่งขัน จะเตรียมความพร้อมให้กับยางด้วยการถอดใส่ด้วยมือพร้อมกับเครื่องมือที่ได้มาตรฐานรวมถึงกำหนดความดันลมยางอย่างแม่นยำ และตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งด้วยการใช้เครื่องวัดความสมดุลที่มีเลเซอร์ถึง 5 จุดเพื่อไม่ให้มีความคลาดเคลื่อนแม้เพียงเล็กน้อย”
ยางมิชลินมากกว่า 1,000 เส้นต่อสนาม ได้รับการผลิตสำหรับการแข่งขันเพื่อใช้ในแต่ละสนาม ตั้งแต่ส่วนผสมของยางหน้า/หลังและด้านซ้าย/ขวาให้เหมาะสมกับแต่สนามโดยเฉพาะจากข้อมูลที่ได้รับจัดเก็บไว้อย่างละเอียดทั้งความดันลมยางที่แปรผันจากอุณหภูมิและแรงเสียดทานอย่างรุนแรงจากทุกทิศทางซึ่งส่งผลถึงความสึกหรอระหว่างการแข่งขัน และยังสามารถผลิตยางตามสูตรที่มีความเห็นร่วมกับทีมแข่งและมีความต้องการในเวลาไม่ถึงสัปดาห์เพื่อใช้ในสนามต่อไปได้ทันที โดยมิชลินมียางให้เลือกถึงสามแบบ S ซ๊อฟ M มีเดียม H ฮาร์ท ไม่รวมยางสำหรับทางเปียก โดยได้รับการจัดส่งทางเครื่องบินภายในตู้คอนเทนเนอร์ปรับอุณหภูมิ 20 อาศาเซลเซียส ส่งตรงจากสำนักงานใหญ่ของมิชลินที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส ด้วยการควบคุมอย่างดีเพื่อให้ไม่ยางได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ ภายใต้บรรจุภัณฑ์แบบมีตัวซับแรงสั่นสะเทือนเพื่อป้องกันความเสียหาย นำมาเตรียมไว้ให้ทุกๆทีมในโมโตจีพีได้ใช้เป็นส่วนสำคัญในการทำความเร็วเพื่อลดเวลาต่อรอบและที่สำคัญกว่านั้นคือต้องปลอดภัยที่สุด
มิชลินมุ่งมั่นทุ่มเทวิจัยและพัฒนายางสำหรับศึกโมโตจีพี ในฐานะผู้นำของยางในวงการยางมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก รวบรวมข้อมูลและส่งผ่านเทคโนโลยีจากการแข่งขันสู่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์บนทุกสภาพการใช้งาน เราสามารถส่งผ่านเทคโนโลยีจากโมโตจีพีมาใช้ได้กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ในด้านส่วนผสม และอีก 30 เปอร์เซ็นต์ในด้านโครงสร้าง อีกอย่างที่แสดงถึงความตั้งใจได้ชัดเจนคือเดิมในการแข่งขันใช้ยางขนาด 16.5 นิ้ว ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นขนาด 17 นิ้ว เหมือนกับยางที่ใช้บนถนนในชีวิตประจำวัน ทว่ายางที่ผลิตสำหรับการแข่งขันโมโตจีพี ไม่ได้มีไว้ขาย และยังไม่สามารถประเมินราคาได้ เป็นเพราะความมุ่งมั่นเพื่อค้นคว้าหาข้อมูลที่จะนำมาพัฒนายางสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์บนท้องถนน ผู้ใช้ยางจักรยานยนต์มิชลินทุกเส้นจึงวางใจได

อดัม สโตเรย์ ผู้อำนวยการ ผลิตภัณฑ์ 2 ล้อ ภูมิภาคเอเชีย กล่าวเสริมว่า มิชลิน ร่วมปลุกกระแสความนิยมรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ตั้งแต่ 250 ซีซี. ขึ้นไปที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในตลาดเมืองไทยรวมถึงเกือบทุกประเทศในเอเซีย เปิดศักราชกับกิจกรรมใหญ่ระดับนานาชาติ เริ่มจากการพิสูจน์สมรรถนะของยางมิชลินในวินเทอร์เทสต์ โมโตจีพี ที่บุรีรัมย์ ก่อนเปิดฤดูกาล ไม่ว่าคุณจะใช้รถจักรยานยนต์ประเภทไหนขนาดใด มิชลิน มีผลิตภัณฑ์รองรับเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค ด้วยแนวคิด From Track to Street จากการแข่งขัน สู่การใช้งานจริงบนท้องถนน นอกจากนี้ปัจจุบันเราผลิตและจัดส่งยางให้กับรถจักรยานยนต์ BMW, Harley-Davidsion, Honda และมุ่งมั่นที่จะนำเทคโนโลยีจากสนามแข่งขัน มาบรรจุไว้ในผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับอนาคตอันใกล้นี้ด้วย
หลังการเปิดแทร็กต้อนรับ 24 นักบิด จาก 12 ทีมในศึกโมโตจีพี ลงทดสอบด้วยความเร็วสุดทางตรงระดับ 330 กม./ชม. นักแข่งต่างนำรถแข่งรุ่นล่าสุดลงทดสอบอย่างเข้มข้น โดยผลการทดสอบรวมทั้ง 3 วัน ปรากฏว่า แดนี เปโดรซ่า นักบิดชาวสแปนจาก เรปโซล ฮอนด้า พร้อมกับยางมิชลินทำเวลาได้ดีที่สุดของการทดสอบด้วยเวลาต่อรอบ 1 นาที 29.781 วินาที เป็นสถิติใหม่ของช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กับระยะทางต่อรอบ 4.554 กิโลเมตร มีทั้งหมด 12 โค้ง แบ่งเป็นโค้งขวา 7 และซ้าย 5 โค้ง ยางที่ใช้ในการทดสอบและแข่งขันที่มิชลินสนับสนุนสำหรับทีมแข่งเมื่อผ่านการใช้งานแล้ว ยางทุกเส้นต้องส่งคืนให้กับมิชลินเพื่อเก็บข้อมูลหลังการใช้งานก่อนจะถูกส่งกลับไปฝรั่งเศสเพื่อทำลายด้วยกระบวนการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

Advertisements
Advertisements
- Advertisement -spot_imgspot_img

Latest news

Advertising

spot_img

Related news

- Advertisement -spot_img