กรุงเทพฯ ประเทศไทย 9 กรกฎาคม 2561 – ฟอร์ด ประเทศไทย ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สองของปี 2561 ด้วยตัวเลขยอดขายที่เพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ โดยมียอดขายรถยนต์รวมทั้งสิ้น 15,442 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการของผู้บริโภคทั่วประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในฟอร์ด เรนเจอร์ รถกระบะเกิดมาแกร่ง และฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ รถยนต์เอสยูวีขนาดกลางที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ
ในส่วนของครึ่งปีแรก ฟอร์ดทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 28 เปอร์เซ็นต์ ด้วยยอดขายรวม 32,677 คัน ส่งผลให้ส่วนแบ่งตลาดโดยรวมของฟอร์ดเพิ่มขึ้น 0.5 จุด เป็น 6.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ฟอร์ด เรนเจอร์ ตอกย้ำตำแหน่งรถยนต์รุ่นที่ขายดีที่สุดของฟอร์ดในประเทศไทย ด้วยยอดขายในไตรมาสที่สองเติบโตสูงขึ้นถึง 36 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 13,256 คัน โดย ฟอร์ด เรนเจอร์ มียอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้นถึง 36 เปอร์เซ็นต์ ด้วยยอดขายรวม 27,455 คัน
ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังคงเติบโตสูงกว่าการเติบโตของตลาดรถกระบะโดยรวมในปีนี้ โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 1.5 จุด เป็น 13.2 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของผลประกอบการอันแข็งแกร่งในไตรมาสที่สองของฟอร์ด ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์ จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 1,925 คัน
ยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนมิถุนายนของฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ เพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ 4,455 คัน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ครองส่วนแบ่งตลาดได้ 14.8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.0 จุด เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“ยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของตลาดรถกระบะที่มีต่อเนื่อง และความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นของผู้บริโภคที่มีต่อรถยนต์อเนกประสงค์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ สอดคล้องกับจุดแข็งของฟอร์ดทั่วโลก” นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน ประธาน ฟอร์ด อาเซียน กล่าว
“เราคาดการณ์ว่า ความต้องการฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เอเวอเรสต์ จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งหลังของปี ซึ่งเป็นช่วงที่ฟอร์ดจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่ของเราทั้ง 2 รุ่นนี้ และยังเป็นช่วงที่
ผ่านมา ฟอร์ดได้เปิดสายการผลิตเรนเจอร์ แร็พเตอร์ อย่างเป็นทางการ และจะเริ่มส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้