Sunday, November 24, 2024

TAJAระดมกูรูรถปลดล็อคยานยนต์ไทย

- Advertisement -spot_imgspot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img

สรยท.จัดเต็ม ระดมกูรูด้านยานยนต์สัมมนาจับทิศทางตลาดรถยนต์ไทยจนถึงสิ้นปี ก่อนปรับราคาครั้งใหญ่ ในงานบิ๊กมอเตอร์เซลส์ 2015

Advertisements

 
นายวัชระ ธรรมศรี นายกสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์ไทย (สรยท.)หรือTAJA  เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดรถยนต์ ณ ขณะนี้ ไปจนถึงสิ้นปีคาดว่าจะคึกคักอย่างยิ่ง จากปัจจัยบวกด้านต่างๆ ทั้งการดำเนินนโยบายเร่งใช้จ่ายงบประมาณ การเร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจคต์ ของรัฐบาล ที่สำคัญจะมีการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์เริ่มต้นปี 2559 เป็นต้นไป รถหลายประเภทมีแนวโน้มอาจปรับราคาจำหน่ายขึ้น ค่ายรถยนต์จึงโหมทำแคมเปญ โปรโมชั่น และเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ เพื่อจูงใจลูกค้ากันอย่างเต็มที่
“ทางสรยท.จึงจัดสัมมนาเรื่อง ทางเลือกทางรอด ปลดล็อกอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย วันที่ 5 ส.ค.นี้ เป็นส่วนหนึ่งของงาน บิ๊ก มอเตอร์เซลส์ 2015 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 ส.ค.นี้ที่ไบเทค เพื่อระดมสมองผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์นับจากนี้ โดยมี นางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน และมีวิทยากรทั้งจากสอท. ค่ายรถยนต์ต่างๆ และสมาคมเช่าซื้อ นอกจากนี้จะมีผู้แทนจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย มานำเสนอข้อมูลทิศทางตลาดรถยนต์ไทยช่วงครึ่งปีหลังว่าจะมีสภาพเป็นอย่างไร เพื่อให้ประชาชนที่สนใจจะซื้อรถหรือผู้ที่ต้องการทราบว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่เป็นอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไทย จะมีทางเลือกหรือทางรอด จะปลดล็อกจากเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆได้อย่างไร จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ทิศทางตลาดรถยนต์ในประเทศในช่วงจากปัจจุบันจนถึงสิ้นปีนี้ คาดว่าในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้น่าจะดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก จากมาตรการต่างๆของทางรัฐบาลทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ทำให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น แม้ว่าราคาสินค้าเกษตรยังไม่ค่อยดีนัก และยังมีปัญหาภัยแล้ง แต่สถานการณ์ไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายคนกังวล รวมทั้งสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวดีขึ้น ค่ายรถยนต์เปิดตัวรถรุ่นใหม่นับจากนี้มากขึ้น ล้วนเป็นปัจจัยบวกช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ให้ดีขึ้น
“จากนี้ไปจนถึงสิ้นปีจะมีรถรุ่นใหม่เปิดตัวหลายรุ่นโดยเฉพาะรถกระบะ รถกระบะดัดแปลงหรือพีพีวี และรถอเนกประสงค์ เพื่อรองรับการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ต้นปี 2559 จะช่วยกระตุ้นให้คนซื้อรถยนต์มากขึ้น ค่ายรถต่างๆจะจัดแคมเปญลดแลกแจกแถมกันอย่างหนักเหมือนกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อเชิญชวนให้คนซื้อรถ”
นายสุรพงษ์กล่าวต่อไปว่า ขอแนะนำให้ผู้ที่มีแผนจะเปลี่ยนรถใหม่ จะซื้อรถในช่วงปีนี้หรือปีหน้า ควรจะรีบซื้อตั้งแต่นับจากนี้ไป เพราะปีหน้าราคาอาจจะสูงขึ้น จากการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ และปีหน้าเมื่อสภาพเศรษฐกิจดีขึ้น จะทำให้ของแจกของแถมไม่มากเหมือนช่วงนี้ สำหรับยอดขายรถในประเทศปีนี้น่าจะอยู่ที่ 8 แสนคัน ส่วนยอดส่งออกน่าจะอยู่ที่ 1.2 ล้านคัน ทำให้ยอดผลิตรถทั้งปีของไทยน่าจะอยู่ที่ 2 ล้านคัน
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธุ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นคาดว่าจะทำให้ตลาดรถยนต์ในประเทศช่วงปลายปีนี้ดีขึ้น ทั้งปัจจัยระดับมหภาคในเรื่องนโยบายการเงินสนับสนุนให้ประชาชนใช้จ่ายมากขึ้น หากมีนโยบายการผ่อนผันรถคันแรก เปลี่ยนแปลงเจ้าของได้ในระยะเวลา 3 ปี น่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าตลาดรถยนต์รวมช่วงครึ่งปีแรกจะลดลง 16% แต่ครึ่งปีหลังตลาดรถยนต์บางเซ็กเม้นต์ยังเติบโตได้ดี และเซ็กเม้นต์ที่ลดลงในช่วงครึ่งปีแรกก็มีโอกาสกลับมาเติบโตได้ในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ตลาดรถยนต์ช่วงครึ่งปีหลังส่วนใหญ่จะเป็นช่วงของการช็อปปิ้งสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถ มีค่ายรถยนต์เปิดตัวรุ่นใหม่หลายรุ่น จึงทำให้น่าจะคึกคักขึ้นกว่าครึ่งปีแรก
“การเลือกซื้อรถรุ่นใหม่คารเลือกตามความต้องการที่แท้จริง คำนึงถึงรุ่นที่ประหยัดน้ำมัน หากค่ายรถมั่นใจว่าหยิบยื่นรถยนต์ที่ตรงความต้องการของลูกค้า เชื่อว่าจะช่วยให้ตลาดคึกคักแน่ เพราะประชาชนรัดเข็มขัดกันมานานแล้ว น่าจะเลือกซื้อรถยนต์เป็นไปแบบธรรมชาติลดความกังวลลงแล้วนับจากนี้”
นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ประธานสมาคมเช่าซื้อไทย ระบุว่า จากสถานการณ์ค่ายรถยนต์เปิดตัวรถรุ่นใหม่มากขึ้นไปจนถึงสิ้นปี และมีการนำเสนอแคมเปญออกมามาก ทิศทางจึงน่าจะดีขึ้น สำหรับการไฟแนนซ์รถยนต์ยังคงสนับสนุนการเช่าซื้อรถยนต์อย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะเข้มงวดกับลูกหนี้มากขึ้นกว่าช่วงปลายปีที่ผ่านมา ไฟแนนซ์อาจจะดูว่าลูกค้ามีภาระหนี้สินต้องผ่อนชำระมากน้อยแค่ไหน จากเดิมจะดูเพียงแค่มีรายได้เพียงพอหรือไม่ และไม่เคยค้างชำระหนี้สินเท่านั้น ดังนี้หากใครมีรายได้สูง แต่ก็มีภาระหนี้สูงก็อาจถูกปฏิเสธการปล่อยสินเชื่อได้
” แนวโน้มตลาดรถยนต์นับจากนี้จนถึงสิ้นปีคาดว่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่มียอดขายในประเทศรวม 3.6 หมื่นคัน ทั้งปีน่าจะถึง 8 แสนคัน เพราะช่วงปลายปีจะเป็นช่วงฤดูการขาย สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถช่วงนี้ ขอแนะนำว่าควรดูว่าจำเป็นต้องใช้จริงๆก่อน และมีรายได้พอผ่อนชำระ ดูตามกำลังการผ่อนชำระ ควรเลือกรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้งาน อย่าใช้รถเกินตัว หากมีรายได้ไม่พอก็อาจหันไปพิจารณารถมือสองแทนรถใหม่ก็ได้ เพราะตลาดรถมือสองราคาไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับรถใหม่ และมีรถสภาพดีจำนวนมาก เช่น รถเก๋งซีดาน จะช่วยแบ่งเบาภาระการผ่อนชำระได้มาก”นายอนุชาติกล่าว
สำหรับกำหนดการจัดสัมมนาเรื่อง ทางเลือกทางรอด ปลดล็อกอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย จะมีขึ้นวันที่ 5 ส.ค 2558 เวลา 13.00 น.ณ ห้องแกรนด์ฮอลล์ ไบเทค บางนา โดยมีนางอรรชกา สีบุญเรือง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน และมีวิทยากรที่ฟเป็นผู้เชียวชาญในวงการรถยนต์และเช่าซื้อ ทั้งตัวแทนจากสอท. ค่ายรถยนต์ต่างๆ และสมาคมเช่าซิ้อ นอกจากนี้จะมีผู้แทนจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย มานำเสนอข้อมูลทิศทางตลาดรถยนต์ไทยช่วงครึ่งปีหลังว่าจะมีสภาพเป็นอย่างไร เพื่อให้ประชาชนที่สนใจจะซื้อรถหรือผู้ที่ต้องการทราบว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่เป็นอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศไทย จะมีทางเลือกหรือทางรอด จะปลดล็อกจากเงื่อนไขข้อจำกัดต่างๆได้อย่างไร จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

Advertisements
- Advertisement -spot_imgspot_img

Latest news

Advertising

spot_img

Related news

- Advertisement -spot_img