การเปลี่ยนแปลงในวอลโว่ ประเทศไทยครั้งสำคัญจะเกิดขึ้นในอีก 45 วันจากเดือนก.พ. นั่นคือการย้ายโชว์รูมที่เป็นสำนักงานใหญ่จากหัวหมาก ไปสู่ตึกเอ็มโพเลียมและวอลโว่ไม่ได้เพียงแค่ย้ายสำนักงานใหญ่เท่านั้นแต่เป็นการ”ปรับวิธีการทำงาน”ปรับเป้าหมายรวมถึงการเดินหน้าไปสู่ผู้มีบทบาทสำคัญในตลาดพรีเมี่ยม เชกเช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู
แน่นอนการขยัยขยายครั้งนี้ของวอลโว่ เป็นการทิ้งฐานที่มั่นที่เคยทำให้วอลโว่เป็นที่รู้จักมากว่า 30 ปีในเมืองไทยนับตั้งแต่ยุคของครอบครัวศรีไกรวิน เป็นผู้แทนจำหน่ายวอลโว่และได้นำสโกแกน”ทุกชีวิตปลอดภัยในวอลโว่มาสู่เมืองไทย
สำนักงานแห่งใหม่ มีบรรยากาศของการตกแต่ง ออกแบบแบบ”มินิ สวีเดน”ทั้งวัสดุ กลิ้นอาย วิธีคิด จะสอดคล้องไปกับแบรนด์ของวอลโว่ ยุคใหม่ในพื้นที่ใช้งาน 1900 ตรม.นั้นจะมีแนวคิดต่างๆ ของวอลโว่ ผ่านนวัตกรรมให้พนักงานได้มีประสบการณ์การทำงานกับวอลโว่ในยุคใหม่ เช่น การทำพื้นเรียบเท่ากันหมด โดยใช้คนเป็นศูนย์กลางแบบที่วอลโว่ใช้แนวคิดนี้ออกแบบ หรือการที่สามารถยืนทำงานได้ โดยมีโต๊ะที่ออกแบบให้โดยเฉพาะซึ่งจะมีผลดีต่อสุขภาพของพนักงาน
แนวคิดต่างๆ เหล่านี้ได้นำมาจากการปรับโฉมใหม่ของแบรนด์วอลโว่ ในต่างประเทศซึ่งกำหนดให้ต้องนำไปใช้เหมือนกันทั่วโลกและในไทยถือโอกาสที่ สำนักงานเก่าหมดสัญญาเช่าที่ดิน30 ปี กับตระกูลหวั่งหลี จึงเป็นโอกาสที่ดีที่วอลโว่ จะเปลี่ยนแปลง
Auto.co.th ได้เข้าไปสำรวจบรรยากาศของ สำนักงานใหญ่วอลโว่ หัวหมากพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกใช้เป็น3 ส่วนนั่นคือ โชว์รูม ศูนย์บริการ ที่มีช่องซ่อมจำนวนมากและที่จอดรถใหม่มีหลังคา เราพบว่า กลิ่นอายของวอลโว่ ดั้งเดิมยังคงอยู่เช่น สถานีทดสอบรถเล็กๆ ที่ไว้สำหรับตรวจสอบการสั่นสะเทือนของรถในขณะที่วิ่งผิวทางขรุขระ ซึ่งเป็นการทำขึ้นมาง่ายๆ ด้วยปูน รูปแบบของสถานีทดสอบเหล่านี้เมื่อ30ปีก่อน น่าจะเพียงพอต่อการตรวจรถหรือทดสอบรถบางอย่าง ทั้งนี้เราจะเห็นรูปแบบเช่นนี้ใน”บรูฟวิ่งกราวน์”สมัยใหม่
นอกจากนี้อาคารดั้งเดิม ที่ถูกใช้งานก็อยู้่ในสภาพดี การละทิ้งด้วยการไปสู่สิ่งใหม่เป็นวิถีของการพัฒนา ยินดีต้อนรับสู่ ความมั่งคั่งอีกครั้งของรถที่ขึ้นชื่อว่า ปลอดภัยที่สุดในโลก
รูปแบบวอลโว่ สตูดิโอมิลาน อันเป็นต้นแบบของโชว์รูมยุคใหม่ของวอลโว่ที่เน้นประสบการณ์ของลูกค้าได้สัมผัสเกี่ยวกับเทคโนโลยี ฟังกืชั่นของรถ มากกว่าการนำเสนอตัวรถให้ลูกค้าซึ่งส่วนนี้จะนำมาใช้ในประเทศไทย