ตะลึงMG ปล่อยราคาไฮบริดพลัส ช็อคตลาด

- Advertisement -
- Advertisement -

รถเก๋งรุ่นใหม่ของเอ็มจี MG รถสัญชาติอังกฤษที่มีจีนเป็นเจ้าของและมีฐานการผลิตต้นทุนต่ำในไทยและจีน ทำให้ตลาดรถเก๋งต้องเผชิญสงครามราคา อย่างแท้จริงเมื่อราคาของ เอ็มจี3 พลัส ใหม่มีราคาเริ่มต้นเพียง 559,900 บาท แม้จะเป็นราคาโปรโมชั่นเพียง 1,000 คันแรก(คิดเป็นส่วนลดที่ต่างราคาปกติ 2หมื่นบาท ) แต่หากเทียบราคาปกติในรุ่นย่อยเดียวกัน เอ็มจี3 พลัสใหม่ มีราคา 579,900 บาท ก็ยังถูกกว่าราคาของฮอนด้า ไฮบริดเจ้าตลาดที่จำหน่ายในรุ่นย่อยเริ่มต้น ฮอนด้าซิตี้ แฮทแบค ไฮบริด รุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาทถึง 30.2%การตั้งราคาของเอ็มจีใหม่นี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ ผู้ผลิตรถยนต์จากจีน รายนี้ เปิดสงครามราคากับรถยนต์ญี่ปุ่น และเป็นสงครามราคาของรถกลุ่มรถยนต์ subcompact ก่อนหน้านี้เจ้าตลาดรถเก๋งของไทย อย่างฮอนด้าได้ประกาศลดราคาของฮอนด้า ซิตี้เพื่อปิดกั้นการไหลบ่าของผู้ผลิตรถสัญชาติจีน ซึ่งกระทบต่อผู้ผลิตญี่ปุ่นเจ้าตลาดรถในเมืองไทย

Advertisements

โดยเมื่อ 2 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ลดราคา ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ลงทุกรุ่นย่อย โดยรุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท และรุ่น e:HEV RS 799,000 บาท 

ราคาฮอนด้าe:HEVเทียบMG3 HEV+

รุ่นฮอนด้า e:HEV RS เอ็มจี3 HEV+รุ่น Xส่วนต่าง (บาท)ส่วนต่าง(%)
ราคา799,000619,900179,10029%
รุ่นฮอนด้า e:Hev SV เอ็มจี3 HEV+รุ่น D
ราคา729,000579,900149,10026%

ไทม์ไลน์การพัฒนา ALL NEW MG3 HYBRID+
ALL NEW MG3 HYBRID+ เริ่มต้นพัฒนาในช่วง 2019-2020 โดย ALL NEW MG3 HYBRID+ เริ่มต้นขึ้นในฐานะส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของ SAIC Motor เพื่อขยายการผลิตรถยนต์ไฮบริดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการสร้างรถไฮบริดขนาดเล็กที่ตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเขตเมือง

การสร้างต้นแบบและการทดสอบ 2021-2023: ในช่วงนี้ ทีมพัฒนาได้ทดสอบระบบ Hybrid+ อย่างเข้มงวด โดยเน้นการบูรณาการระบบไฮบริดเข้ากับแพลตฟอร์ม MG3 เดิม โดยไม่ให้ประสิทธิภาพหรือการขับขี่ลดลง

การผลิตก่อนการขาย (ปลายปี 2023): ในช่วงปลายปี 2023 โมเดล MG3 HEV+ ก่อนการผลิตได้รับการปรับแต่งขั้นสุดท้ายจากข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการทดสอบ

วิศวกรและนักออกแบบ
หลี่ หยวน คือหัวหน้าวิศวกรในการพัฒนา ALL NEW MG3 HYBRID+ โดยเขาได้ใช้ประสบการณ์จากการทำงานในโครงการไฮบริดของ MG หลายโครงการก่อนหน้านี้ หลี่เน้นการรวมสมรรถนะเข้ากับประสิทธิภาพเพื่อให้แน่ใจว่าระบบไฮบริดจะไม่ลดทอนประสบการณ์การขับขี่

Advertisements

ทางด้านนักออกแบบ คาร์ล โกทแฮมยังทำงานเป็นนักออกแบบโดยการออกแบบภายนอกของ MG3 HEV+ ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากวิสัยทัศน์ของคาร์ล โกทแฮม ซึ่งมุ่งหวังที่จะสร้างรถที่ไม่เพียงแค่ใช้งานได้จริง แต่ยังมีสไตล์ที่ทันสมัย และพยายามรักษาอัตลักษณ์คลาสสิกของ MG ไว้ในขณะที่ปรับให้เข้ากับคนรุ่นใหม่

โครงรถและระบบขับเคลื่อน

ALL NEW MG3 HYBRID+ ใช้รหัสโครงรถ “ZP11” ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ปรับปรุงจากแพลตฟอร์มของ MG3 รุ่นก่อนหน้า โครงรถนี้ได้รับการปรับแต่งเพื่อรองรับระบบไฮบริด โดยมีการปรับปรุงช่วงล่างและการกระจายน้ำหนักเทคโนโลยีและคุณสมบัติ

ตำแหน่งทางการตลาด

กลุ่มเป้าหมาย: MG3 HEV+ มีเป้าหมายที่ผู้ขับขี่ในเมืองที่กำลังมองหารถยนต์ที่ประหยัดพลังงาน, ทันสมัย และมีราคาที่เข้าถึงได้ ระบบไฮบริดและราคาที่แข่งขันได้ทำให้รถรุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดรถยนต์ขนาดเล็ก (B-segment)

การเปิดตัวทั่วโลก

รถรุ่นนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการทั่วโลกในเดือนมิถุนายน 2024 ซึ่งถือเป็นการแนะนำเทคโนโลยี Hybrid+ ของ MG สู่ผู้บริโภคในวงกว้างยิ่งขึ้น การเปิดตัวนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขยายตลาดไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าของ MG

ALL NEW MG3 HYBRID+เป็นก้าวสำคัญของ MG ที่ผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพและสมรรถนะ พร้อมกับการรักษาความคุ้มค่าที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ MG​

ไทม์ไลน์ในไทย
ในไทยแถลงข่าวในไทย 20 สิงหาคม 2567 เปิดให้คนทั่วไปได้ทดลองขับอย่างเป็นทางการในงาน บิ๊กมอเตอร์เซลล์ บางนา
ส่วนในต่างประเทศ การเปิดตัวอย่างเป็นทางการทั่วโลกของ ALL NEW MG3 HYBRID+ จัดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2024 ที่ผ่านมาที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งเป็นศูนย์กลางการดำเนินงานของ SAIC Motor บริษัทแม่ของ MG งานเปิดตัวนี้จัดขึ้นในรูปแบบของงานแสดงรถยนต์ที่เน้นการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ของ MG โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อให้ผู้ชมทั่วโลกสามารถเข้าร่วมได้
งานเปิดตัวจัดขึ้นที่ Shanghai International Circuit ในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญในวงการยานยนต์ระดับโลก โดยงานนี้จัดขึ้นในพื้นที่ที่รองรับการจัดแสดงรถยนต์รุ่นใหม่ๆ รวมถึงALL NEW MG3 HYBRID+ โดย นำเสนอเทคโนโลยี Hybrid+ ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ MG ซึ่งถูกนำมาใช้ในALL NEW MG3 HYBRID+ในงานยังมีการสาธิตการขับขี่ ALL NEW MG3 HYBRID+ในสนาม Shanghai International Circuit เพื่อแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะและการควบคุมของรถรุ่นนี้ โดยผู้เข้าร่วมงานสามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ได้ด้วยตัวเอง

ไลน์อัพใหม่กับเก่าในไทย

ในวางจำหน่ายในไทยโดยบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบไปด้วยรถ 2 รุ่นย่อย คือ รุ่น X(619,900บาท) ในเกรดบนและรุ่น D ในเกรดเริ่มต้น(579,900บาท)ในขณะที่MG3 ตัวก่อนหน้ามีทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ประกอบด้วย 1.5 C 1.5 D 1.5 X SUNROOF และ 1.5 V SUNROOF

-สำหรับรุ่นใหม่ 2 รุ่นย่อยมีความแตกต่างกันในเรื่องของระบบความปลอดภัย adasโดยราคามีความต่างกัน 7 % หรือ 40,000 บาท

คู่แข่งและราคา
สำหรับรถระดับราคา 6 แสนบาท ในตลาดมีตัวเลือกค่อนข้างมาก เพราะเป็นกลุ่มรถเป้าหมายของ ผู้บริโภคที่เริ่มต้นซื้อรถคันแรกๆ ในปัจจุบัน รถเจ้าตลาดคือ ฮอนด้า โดยมีรถทางเลือกได้แก่ ซิตี้ แฮทแบค ที่มีระบบไฮบริดเหมือนกันและซิตี้ ซีดาน
คู่แข่งโดยตรงของ Mg คือ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ที่นำเสนอทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
ในราคาดังนี้ รุ่น e:HEV RS ราคา 799,000 บาท รุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท แต่ราคาของฮอนด้าก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง ในขณะที่ รถที่มีราคาใกล้กันได้แก่ ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย คือ

ฮอนด้า ซิตี้ แฮทแบค

รุ่น เครื่องยนต์ ราคา
e:HEV RS 1.5 ลิตร 16 วาล์ว i-VTEC799,000
e:HEV SV 1.5 ลิตร 16 วาล์ว i-VTEC729,000
RS
1.0 ลิตร 3 สูบ VTEC TURBO749,000
SV
1.0 ลิตร 3 สูบ VTEC TURBO679,000
V
1.0 ลิตร 3 สูบ VTEC TURBO 629,000
S1.0 ลิตร 3 สูบ VTEC TURBO599,000

เมื่อเทียบกับไฮบริดของMG จะเห็นว่า ราคาของไฮบริด+ นั้นใกล้เคียงกันกับ ซิตี้เทอโบร์รุ่นV และรุ่นS ซึ่งเป็นเกรดต่ำสุดของฮอนด้าแต่ MG กลับให้อุปกรณ์และสมรรถณะเครื่องยนต์ที่สูงกว่า


โตโยต้า เจ้าตลาดรถที่แข็งแกร่งในกลุ่มรถซับคอมแพค อีกแบรนด์คือ โตโยต้า แต่ปัจจุบันโตโยต้ายังไม่ผลิตรถ ไฮบริดในกลุ่มซับคอมแพ็ค เนื่องจากรถที่ขายอยู่คือ ยาริส เป็นรถที่อยู่ในช่วงการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี

ราคาโตโยต้ายาริส แฮทแบค

รุ่น เกียร์ราคา(บาท)
ยาริส Premium Sอัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock694,000
ยาริส Premiumอัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock679,000
ยาริส Smartอัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock619,000
ยาริส Sportอัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock559,000

มาสด้า 2 MY 24
ในตลาดคู่แข่งที่สูสี อีกแบรนด์ในเวทีซับคอมแพ็ค ในแง่ของการประหยัดน้ำมันและ เด่นในด้านคุณภาพการขับขี่ นั่นคือมาสด้า 2 Hatchback 5 ประตูซึ่งเป็นเวอร์ชั่น ไมเนอร์เชนจ์

มาสด้า 2เครื่องยนต์ราคา(บาท)
1.3 C1.3599,000
1.3 S1.3680,000
1.3 SP1.3730,000
XD1.5ดีเซล720,000
XDL1.5ดีเซล830,000
เดือน ส.ค.2567 มาสด้าจัดแคมเปญ เฉพาะรุ่นให้ส่วนลด 108,000 บาท

ซูซูกิ สวิฟ ไม่มีไฮบริดแต่เทคโนโลยีแต่เครื่องยนต์ของซูซูกิ ทำความประหยัดได้ถึง 23 กม./ลิตร

ซูซูกิ เครื่องยนต์ราคา(บาท)
สวิฟท์ GL 1.3567,000
GL NEXT 1.3582,000
GLX 1.3637,000

เครื่องยนต์ขาด6 ตัว 200 แรงม้า

MG3 HYBRID+ เป็นการรวมเครื่องยนต์เบนซิน แบบ Atkinson-cycle DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว DVVT กำลังเครื่อง102 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า หรือขนาด 100kW การทำงานร่วมกันให้พลังรวมสูงสุดถึง 194 แรงม้า (143 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร

ระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้สมดุลระหว่างการประหยัดเชื้อเพลิงและการเร่งที่ตอบสนองได้ดี ทำให้ MG3 HEV+ เหมาะสำหรับทั้งการขับขี่ในเมืองและการเดินทางระยะไกล โดยรถสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที และอัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5 วินาที
ระบบ ไฮบริดใหม่ของ เอ็มจี HYBRID+ ทำงานใน 8 โหมดขับเคลื่อนผ่าน ระบบเกียร์ทด 3 อัตราทด และ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ ในรูปแบบ Cell-To-Pack ความจุ 1.83 kWh ซึ่งทำให้ MG3 HYBRID+ ให้กำลังมากที่สุดในคลาสเดียวกัน และมีความจุแบตเตอรี่มากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน

สเปคไทยรายละเอียด ALL NEW MG3 HYBRID+
โกลบอลโมเดลรุ่นล่าสุด กับเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่ ประหยัดกว่า แรงกว่า กว้างกว่า ปลอดภัยกว่า รถไฮบริดในกลุ่ม B-Segment

ALL NEW MG3 HYBRID+ รถแฮทช์แบ็กไฮบริด 5 ประตู โกลบอลโมเดลรุ่นล่าสุดของ เอ็มจี จากสายการผลิตในประเทศไทย รถในกลุ่ม B-Segment มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “อิสระพลัสเวล” สะท้อนถึงการผสานความลงตัวระหว่างการขับสนุกเต็มสมรรถนะและความประหยัดเต็มประสิทธิภาพ ที่พลัสมาอย่างครอบคลุมทุกระบบการขับเคลื่อน โดดเด่นด้วยระบบ HYBRID+ เทคโนโลยีใหม่จาก เอ็มจี ที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ผสานความลงตัว ของทุกระบบไฮบริด สู่นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนทุกความคุ้นชินของรถไฮบริดในรูปแบบเดิมๆ ด้วยขุมพลังไฮบริดมากถึง 8 โหมดขับเคลื่อนปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของผู้ขับขี่ สามารถขับได้ไกลสูงสุดมากกว่า 800 กิโลเมตร ประหยัดกว่า!!! ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 26.2 กิโลเมตรต่อลิตร แตกต่างด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ เทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุม มอบความคุ้มค่า และการันตีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมด้วยรางวัล และผลการทดสอบโดยทีมวิศวกรรมชั้นนำระดับโลก

GLOBAL EXTERIOR DESIGN สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว คล่องตัว
ALL NEW MG3 HYBRID+ ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่ผสานระหว่างความสปอร์ตและความหรูหรา ปราดเปรียว และคล่องตัวในสไตล์รถแอทช์แบ็ก มาพร้อมความเท่ และดุดัน ด้วยการดีไซน์ไฟหน้าแบบใหม่ Hunter Eye Headlamp หรือดวงตานักล่าที่ดูโฉบเฉี่ยวพร้อมกระจังหน้าแบบใหม่

ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากปีกผีเสื้อ สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว เส้นสายการออกแบบรอบตัวถังเน้นความโค้งมนตามแบบฉบับของ เอ็มจี
ระยะความยาวฐานล้อ 2,570 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดจากพื้น 117 มิลลิเมตรมิติตัวถัง 4,113 x 1,797 x 1,502 มิลลิเมตร (ยาว x กว้าง x สูง)
ไฟหน้า แบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สาม
ไฟตัดหมอกหลัง
ไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน (Daytime Running Lights)
กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว และพับอัตโนมัติ
ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ พร้อมใบปัดน้ำฝนด้านหลัง
ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว

การออกแบบภายใน
ภายในสปอร์ตอย่างมีสไตล์ สะดวกสบาย ครบจบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ภายในห้องโดยสารสร้างสรรค์ขึ้นภายใต้ Modular Concept ที่ให้ความสำคัญกับ วัสดุที่มีคุณภาพพร้อมการออกแบบคอนโซลที่เล่นระดับให้มีมิติ เพิ่มความหรูหราด้วยภายในแบบทูโทนขาวสลับดำ เน้นความสะดวกในการใช้สอย สำหรับทั้งคนขับและผู้โดยสาร ทั้งเพิ่มอรรถประโยชน์ในการใช้งาน โดยเฉพาะการออกแบบห้องโดยสารที่โดดเด่นในเรื่องของพื้นที่เหนือศีรษะ (Head room)และพื้นที่วางขา (Leg room) ที่ไม่อึดอัดโดย ALL NEW MG3 HYBRID+ ถือเป็นรถที่กว้างที่สุดในคลาสเดียวกัน โดยเฉพาะห้องสัมภาระท้ายจุได้ มากถึง 293 ลิตร และเมื่อพับเบาะสามารถจุได้มากถึง 1,037 ลิตร

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงพร้อมปุ่มรับ – วางสายโทรศัพท์
กระจกไฟฟ้า One Touch Up-Down ด้านผู้ขับขี่
หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว (Digital Multi – Function Display) และหน้าจอสีระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว
ลำโพง 6 จุด
ช่องใส่ของภายในห้องโดยสาร 25 จุด
เบาะนั่งคนขับปรับ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง
ที่พักแขนด้านหน้า และเบาะนั่งด้านหลังพนักพิงพับได้
ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และสมาร์ทโฟนระบบ Android แบบไร้สาย
ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart Key) พร้อมปุ่ม Push Start
ระบบปรับอากาศแบบดิจิตอล
ระบบกรองอากาศ PM 2.5

สมรรถนะ สมรรถนะและประสิทธิภาพที่เหนือกว่ารถไฮบริดทั่วไปใน B-Segment ALL NEW MG3 HYBRID+ ซึ่งให้กำลังมากที่สุดในคลาสเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 102 แรงม้า (75 กิโลวัตต์) ผสานการทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 136 แรงม้า (100 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร แรงสุดในกลุ่ม B-Segment สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8 วินาที และอัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 5 วินาที ผลลัพธ์จากเทคโนโลยีไฮบริดใหม่ของ เอ็มจี อย่างระบบ HYBRID+ กับ 8 โหมดขับเคลื่อนที่จะมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันสามารถวิ่งได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตรและขับสนุกที่สุดในคลาส
การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว DVVT 102 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ High-performance Permanent Magnet Synchronous Motors กำลังสูงสุด 136 แรงม้าให้ขุมพลังรวมสูงสุดถึง 194 แรงม้า (143 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ ในรูปแบบ Cell-To-Pack ความจุ 1.83 kWh ซึ่งมีความจุมากที่สุดในรถขนาดเดียวกัน
โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ ได้แก่ ECO, NORMAL, SPORT

ระบบส่งกำลัง
ระบบส่งกำลัง Hybrid Transmission ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ไฟฟ้าแบบ E-AT 3 อัตราทดเกียร์ ปรับการทำงานแบบอัตโนมัติ
ระบบ KERS (Kinetic Energy Recovery System)3 ระดับ ได้แก่ มาก ปานกลาง และน้อย
รัศมีวงเลี้ยว 5.2 เมตร ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS)
ระบบช่วงล่างหน้า MacPherson Strut พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบช่วงล่างหลัง Torsion Beam
ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อน และดิสก์เบรกหลัง

ระบบความปลอดภัย ALL NEW MG3 HYBRID+ มาพร้อมโครงสร้างตัวถังนิรภัยแบบ FSF (Full Space Frame) เพียบพร้อมด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM ซึ่งรวมระบบADVANCED DRIVER ASSISTANCE SYSTEM (ADAS) หรือระบบอำนวยความสะดวกช่วยควบคุมการขับขี่ และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจำนวน 8 ระบบ พร้อมระบบเบรกอัจฉริยะ (Intelligent Brake System)

ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution)
ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist)
ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนพร้อมปรับองศาพวงมาลัยหากออกนอกเลน ELK (Emergency Lane Keeping System) โดยผสานรวมระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist) และ ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning) เข้าไว้ด้วยกัน
ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ AEB (Autonomous Emergency Braking)
ระบบตรวจจับพฤติกรรมการขับขี่ UDW (Unsteady Driving Warning)
ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติ ICA (Intelligent Cruise Assist)
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-beam control)
ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
กล้องรอบคัน 360 องศา แบบ High Definition
จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX
ระบบล็อกประตูอัตโนมัติ (Speed Sensing Door Lock)
สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง
ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer
ระบบไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่อง (FOLLOW ME HOME)

เทียบราคาไทยกับอังกฤษ

รุ่นราคาไทย(บาท)ราคาอังกฤษ(บาท) ส่วนต่าง
SE เทียบกับรุ่น D 579,900 823,000 42%
Trophy เทียบรุ่น X 619,900912,00047%

ราคาที่อังกฤษข้อมูลจาก เอ็มจี คาร์ ยูเค เว็บอย่างเป็นทางการของMG

MG3 HYBRID+ ที่อังกฤษมีจำหน่าย 2 รุ่นย่อย คือ รุ่นล่างสุด SE เทียบกับรุ่น D ของตลาดไทย
ขายราคาที่อังกฤษ 18495 ปอนด์ แปลงเป็นเงินบาทเท่ากับ 8.23 แสนบาท ส่วนต่างเมื่อเทียบเกรดเดียวกันของALL NEW MG3 HYBRID+ ในไทย รถอังกฤษแพงกว่า 42% ส่วนรุ่นทอปไลน์ คือ Trophy เทียบได้กับรุ่น X ในอังกฤษจำหน่ายในราคา 20,495 ปอนด์ หรือคิดเป็นเงินไทย 9.12แสนบาท ในขณะที่ราคาที่ไทยรุ่น X ราคา 619,900 แพงกว่า 47% สรุปคือเลิกบ่นได้แล้วนะว่า รถไทยแพง

ข้อเสนอพิเศษ
ข้อเสนอพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ ALL NEW MG3 HYBRID+ ฟรี ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. 1 ปี
รับประกันคุณภาพรถยนต์ 5 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)*
พิเศษ! เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ดาวน์ต่ำเริ่มต้น 5% หรือ 27,950 บาท
ผ่อนเริ่มต้น 6,291 บาท คำนวณจากราคาพิเศษเปิดตัวของรุ่นย่อย D ดาวน์ 25% ระยะเวลาผ่อน 84 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.69% เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 2.39% ผ่อนนาน 48 เดือน หรือเลือกรับดอกเบี้ยปกติ ดาวน์ต่ำเริ่มต้น 5%
ฟรี ชุดพรมปูพื้น *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

Advertisements
- Advertisement -

Related news

- Advertisement -
Exit mobile version