กรุงเทพฯ- 4 มิถุนายน พ.ศ 2561 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ก้าวเดินมาถูกทางในฐานะบริษัทที่เลือกย้ายฐานมาไทยและเป็นต้นแบบของค่ายญี่ปุ่นในช่วงเวลาการตัดสินใจที่สำคัญว่า จะเลือกรับแรงกดดันจากข้อจำกัดภายในประเทศหรือออกมาเสี่ยงตั้งฐานนอกญี่ปุ่น อย่างมิตซูบิชิ
รองนายกสมคิดร่วมพิธีฉลอง
สำหรับพิธีฉลองดังกล่าวได้รับเกียรติจาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายชิโร ชิโดะชิมะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจประจำประเทศไทยและนายโอซามุ มาสุโกะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการลงทุนของไทย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรวมถึงแขกผู้มีเกียรติ บริษัท ผู้ผลิตชิ้นส่วนหุ้น ส่วนทางธุรกิจสื่อมวลชนและพนักงานเข้าร่วม งานในครั้งนี้
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยสำหรับความร่วมมือระหว่างบริษัทฯและรัฐบาลไทยที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ความสำเร็จของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในวันนี้เน้นย้ำบทบาทสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นหนึ่งในพลังขับเคลื่อนสู่การเติบโตของประเทศไทย ทั้งนี้การเติบโตและความยึดมั่นต่อการดำเนินธุรกิจของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย รวมถึงความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายด้านเศรษฐกิจที่ตั้งไว้ได้
ศูนย์การผลิตแหลมฉบังนับว่าเป็นศูนย์การผลิตนอกประเทศญี่ปุ่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส บริษัทมีการผลิตถึง 424,000 คันต่อปี และสามารถส่งออกไปยังกว่า 120 ประเทศทั่วโลก กำลังการผลิตในประเทศไทยมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเติบโตของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในระดับโลก
Thailand Product Champion
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เริ่มต้นดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2504 และผลิตรถยนต์ครบ 1 ล้านคันในปี พ.ศ. 2546 ก่อนจะผลิตครบ 2 ล้านคันในปี พ.ศ. 2553 และผลิตครบ 3 ล้านคันในปี พ.ศ. 2556 ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยได้ผลิตรถยนต์ครบ 4 ล้านคันในปี พ.ศ. 2558 ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยมีโรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่งในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง โรงงานแห่งแรกเปิดทำการในปี พ.ศ. 2535 และโรงงานแห่งที่สองซึ่งมุ่งเน้นการผลิตรถกระบะขนาดหนึ่งตันเปิดทำการในปี พ.ศ. 2539 มิตซูบิชิ มอเตอร์สได้เข้าร่วมโครงการ Thailand Product Champion โครงการแรกของประเทศ เพื่อสนับสนุนและผลักดันประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตและการส่งออกรถกระบะ
ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เข้าร่วมโครงการ Thailand Product Champion ครั้งที่สอง หรือโครงการอีโคคาร์และลงทุนสร้างโรงงานแห่งที่3ซึ่งเริ่มผลิตรถยนต์อีโคคาร์ในปี พ.ศ. 2555 นอกจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทยยังมีโรงงานผลิตเครื่องยนต์สำหรับจัดจำหน่ายในประเทศและเพื่อการส่งออก เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจและยกระดับบทบาทของ บริษัทฯ ในกลุ่ม มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วโลก มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังพร้อมด้วยศูนย์บรรจุชิ้นส่วนเพื่อการส่งออก สนามทดสอบรถยนต์ สนามทดสอบสมรรถนะในการประเมินผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบและการพํฒนาต้นแบบไปจนถึงการทดลองผลิตภัณฑ์และการผลิตเพื่อจัดจำหน่ายเพื่อสร้างความมั่นใจและพึงพอใจจะได้รับรถยนต์ที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย
ย้อนอดีตฐานผลิตมิตซูในไทย
การเริ่มต้นของแบรนด์มิตซูบิชิในไทย เกี่ยวข้องกับกลุ่มสิทธิผลของตระกูล(อิสสระนุกูล )พรรณเชษฐ์ โดยมีความเป็นมายาวนานเกือบ 70 ปีในอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย นับย้อนไปตั้งแต่ กนก อิสสระนุกูล เริ่มต้นธุรกิจด้วยการตั้งร้านซ่อมจักรยานพร้อมกับเป็นตัวแทนจำหน่ายจักรยานจากอังกฤษด้วย หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับขยายธุรกิจออกไ
ในประวัติการประกอบการของสิทธิพลมีการริเริ่มและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย ก็คือการตั้งบริษัท สหพัฒนายานยนต์ จำกัด ขึ้นในปี 2507 เป็นโรงงานประกอบรถยนต์แห่งแรกของไทยก่อนที่จะพัฒนามาเป็น เอ็ม เอ็ม ซี สิทธิผลซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสิทธิผลกับมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น (เอ็ม เอ็ม ซี) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นมีสำนักงานใหญ่อยู่ตรงข้ามเดอะมอลล์หัวหมาก
จุดเปลี่ยนสำคัญคือ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2530บริษัท เอ็ม เอ็ม ซี สิทธิผล ได้เซ็นสัญญากับบริษัทไครสเลอร์ แคนาดา ในการส่งรถยนต์ไปจำหน่ายที่แคนาดาจำนวน 100,000 คันในเวลา 6 ปี รถที่ส่งไปขายเป็นรุ่นเดียวกับมิตซูบิชิ แลนเซอร์ แชมป์ 11 แบบ 4 ประตู เครื่องยนต์ 1,500 และ 1,600 ซีซี โดยใช้ชื่อว่า “ดอดจ์ โค้ท” และ “พลีมัท โค้ท” ซึ่งเป็นยี่ห้อรถขายดีในเครือไครสเลอร์ ผลิตโดย เอ็ม เอ็ม ซี สิทธิผลแห่งประเทศไทย ราคาขายเฉลี่ยน 5,000-6,000 เหรียญสหรัฐฯต่อคัน การส่งรถงวดแรกจำนวน 500 คัน จะมีขึ้นที่ท่าเรือสัตหีบในวันที่ 10 มกราคม 2531 โดยมีรัฐบุรุษเปรม ติณสูลานนท์ เป็นประธานในพิธี