กรุงเทพมหานคร – ประเทศไทย, วันที่ 8 มีนาคม 2561 – มาสด้าสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ยอดสูงสุดขายทะลุ 5,400 คัน ครองส่วนแบ่งในตลาดสูงถึง 7.1% จากกระแสความร้อนแรงและผลตอบรับจากลูกค้าแบบฉุดไม่อยู่ในรถทุกรุ่น โดยเฉพาะมาสด้า2 ขึ้นครองอันดับหนึ่งของตลาดรถเล็กเป็นเดือนที่สองติดต่อกันเคียงคู่มากับความสำเร็จของมาสด้า CX-5 ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการบุกหนักด้านสื่อสารทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เดินหน้าปรับปรุงการบริการหลังการขายและโชว์รูมใหม่ที่สร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าตั้งแต่เข้ามาใช้บริการ ทำให้ยอดขาย2 เดือนแรกเติบโตต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในแบรนด์มาสด้าที่ลูกค้าให้การตอบรับเพิ่มสูงขึ้นจากการใช้งานจริงและเกิดการบอกต่อ
กระแสความนิยมของรถยนต์พรีเมียมสัญชาติญี่ปุ่นแบรนด์ มาสด้ายังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะน้องเล็กสุดอย่างมาสด้า2 ที่ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดด้วยยอดขายจำนวน 3,448 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 84% ครองแชมป์อันดับหนึ่งในเซกเม้นท์รถยนต์นั่งขนาดเล็กรวมกับอีโคคาร์สองเดือนติดต่อกันได้สำเร็จ ส่วนอีกรุ่นที่มาแรงไม่แพ้กันกับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันที่ยังคงตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า กับรถอเนกประสงค์เอสยูวี ออลนิว มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 752 คัน มีอัตราการเติบโตมากที่สุดถึง 231% ส่วนรถยนต์รุ่นอื่นๆ ก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น มาสด้า ซีเอ็กซ์-3 จำนวน 333 คัน เพิ่มขึ้น 52% รถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร มียอดขายเพิ่มขึ้น จำนวน 477 คัน เพิ่มขึ้น 8% ส่วนมาสด้า 3 ยอดขายอยู่ที่ 391 คัน ส่งผลให้ยอดขายรถมาสด้าทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์ปิดตัวเลขอยู่ที่ 5,401 คัน หรือเติบโตสูงถึง 65% ซึ่งถือเป็นความสำเร็จในด้านยอดขายรวมที่เติบโตสูงสุดในรอบสามปี
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้ากำลังมุ่งมั่นสร้างการเติบโตทางธุรกิจจนมาถึงวันนี้ที่เราได้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 7.1% ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมาสด้า ผมมีความภูมิใจที่เราได้พิสูจน์ให้เห็นว่าแบรนด์มาสด้านั้นเป็นแบรนด์ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความเป็นหนึ่งในผู้นำด้านเทคโนโลยีของรถยนต์ ด้วยเทคโนโลยีสกายแอคทีฟที่ทันสมัยที่สุดในโลก เทคโนโลยี i-ACTIVSENSE ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานระดับโลก และยังเป็นรถยนต์ที่ขับสนุกที่สุดที่มาพร้อมความแรง ความประหยัดน้ำมันและการออกแบบที่ล้ำสมัยตามแบบฉบับของโคโดะ ดีไซน์ นอกจากนี้เรายังได้เร่งการขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการ ภายใต้ภาพลักษณ์ใหม่ทั้งหมดหรือ Mazda Corporate Identity ที่มีความหรูหรา สะดวกสบาย พร้อมให้บริการลูกค้าเกินกว่าที่ลูกค้าคาดหวังไว้ ส่งผลให้วันนี้ มาสด้ากลายเป็นบริษัทรถยนต์ที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยเฉพาะมาสด้า2 ขึ้นครองอันดับหนึ่งในตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน นอกจากนี้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยปี 2561 มีแนวโน้มสดใสขึ้น หลังจากเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลมองว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศหรือ GDP จะขยายตัวที่ 3.8% สำหรับทิศทางตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2561 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 37.8 ล้านคน ขยายตัวประมาณร้อยละ 7.0 จากปี 2560 ซึ่งปัจจัยที่เป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อาทิ การขยายเส้นทางการบินของธุรกิจสายการบินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขยายเส้นทางการบินของไทยที่เชื่อมไปยังเมืองรองของจีน เป็นต้น และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง 55 จังหวัดของประเทศไทย
สอดคล้องกับผลงานการวิจัยและจัดอันดับจากสถาบัน เจ.ดี. พาวเวอร์ ได้พิจารณารางวัล APEAL หรือ Automotive Performance, Execution and Layout ซึ่งได้สำรวจเกี่ยวกับความพึงพอใจของผู้ซื้อรถคันใหม่ในช่วงระยะเวลา 90 วันจากการได้เป็นเจ้าของ และในครั้งนี้รถที่ครองอันดับหนึ่งในหัวใจของผู้บริโภค คือ รถเอสยูวีมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ซึ่งสำรวจความพึงพอใจจากผู้ใช้เบื้องต้นโดยคำนึงถึง 5 ปัจจัย อันได้แก่ 1. การวางแผนผลิตภัณฑ์ โดยคำนึงถึงสิ่งที่ลูกค้าต้องการ 2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ พิจารณาถึงการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความสำเร็จสูงสุด 3. คุณภาพของผลิตภัณฑ์ พิจารณาด้านการปรับปรุงและพัฒนายานพาหนะที่ใช้ในปัจจุบัน 4. การขายและการตลาด 5. รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ โดยพิจารณาถึงข้อดีของผลิตภัณฑ์ที่พนักงานขายควรให้ความสนใจ โดยจุดประสงค์ของ APEAL นั้นเป็นการศึกษาถึงความน่าดึงดูดใจและความพึงพอใจของเจ้าของที่มีต่อรถยนต์คันใหม่ในหลากหลายด้าน ซึ่งความหมายของคำว่าคุณภาพนั้นมิใช่พิจารณาเรื่องข้อผิดพลาดหรือการออกแบบที่ล้มเหลวเท่านั้น แต่รวมถึงการออกแบบ สมรรถนะและประโยชน์ใช้สอยด้วย ทั้งนี้ในภาพรวมของแบรนด์ มาสด้าสามารถทำคะแนนรวมได้ 906 คะแนน จากคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน ขึ้นแท่นอันดับที่ 5 ในปี 2560 ถือเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพด้าน
ความพึงพอใจสูงสุดที่มาสด้ามอบให้แก่ลูกค้า ตอกย้ำจุดแข็งเรื่อง Feel the passion หรือการเน้นในเรื่องบริการหลังการขาย
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด แสดงความเห็นว่า มาสด้ามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทุกปีในเรื่องของการส่งเสริมกิจกรรมด้านการตลาด ทั้งในเรื่องของสื่อออนไลน์ สื่อออฟไลน์และสื่อดิจิตอล โดยในปีนี้เราได้ทำกลยุทธ์การตลาดที่สอดคล้องและเข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคมากขึ้นเพื่อให้เกิดการเข้าถึงความต้องการและการรับรู้อย่างมีประสิทธิภาพผ่านทาง Mazda Digital platform ทั้งช่องทางของเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ที่จะรวมเอาข้อมูลของแบรนด์มาสด้าสำหรับผู้ที่สนใจและกลุ่มผู้ใช้รถมาสด้าสามารถเข้าไปดูรายละเอียดต่างๆ ได้ รวมถึงการใช้ Content-based Marketing ที่ให้เกิดความสนใจและตอบสนองความสนใจของผู้บริโภคได้มากที่สุด ตัวอย่างเช่น ภาพยนตร์โฆษณาชิ้นล่าสุดของมาสด้า 2 ที่เน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่นจนถึงวัยเริ่มต้นทำงานที่มีไลฟ์สไตล์ที่สนุกเร้าใจในแบบที่ไม่ซ้ำทางใคร มีกิจกรรมท้าทายแบบใหม่ๆ ที่มีพลังและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชื่นชอบความสนุกเร้าใจ ผ่านสโลแกน “เร้าใจไม่เคยหยุด” นอกจากนี้เรายังสื่อสารผ่านช่องทางของสื่อสิ่งพิมพ์ สปอตโฆษณาทางวิทยุ โฆษณาสื่อกลางแจ้ง สื่อโฆษณา ณ จุดขาย (P.O.P.) โฆษณาทางสื่อออนไลน์ในเว็บไซต์ต่างๆ และสื่อของมาสด้าเอง เป็นต้น เพื่อเป็นการสร้างการรับรู้อย่างต่อเนื่อง