เมอร์เซเดส-เบนซ์ เผยผลประกอบการปี 62 ปิดยอดกว่า1.5หมื่นคัน

- Advertisement -
- Advertisement -

ย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในเซกเมนต์รถยนต์ลักชัวรีครองแชมป์  ผู้นำตลาดรถหรู 19 ปีซ้อน พร้อมตอบเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ส่ง “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic” และ “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic” ลุยตลาดก่อนนำ “EQC”  เอสยูวีสายพันธุ์ไฟฟ้า 100% ลงตลาดไทยภายในปี63นี้

GLC C253 Launch, ePaper, Images

กรุงเทพ 21 ก.พ.63  บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จากเยอรมัน เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2562 ด้วยยอดขายมากกว่า 15,000 คัน ในขณะที่ ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัท ในปี263 จะเปิดตัว “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic” รถยนต์ เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดขนาดกลางรุ่นใหม่ล่าสุด และ “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic” รถยนต์เอสยูวีครอสโอเวอร์ นำทัพรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่จะตามมาอย่างต่อเนื่องตลอดปี พร้อมเตรียมเปิดตัว “Mercedes-Benz EQC” รถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์ลุยตลาดไทยภายในปี2563
นายโรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงรักษาความเป็นแบรนด์รถยนต์ลักชัวรีอันดับ 1 ในประเทศไทยไว้ได้อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 19 โดยในปี 2562 ที่ผ่านมา เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงทำยอดขายได้มากกว่า 15,000 คัน อันเป็นผลมาจากเครือข่ายผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการที่แข็งแกร่งที่ร่วมกันส่งมอบ Best Customer Experience” ให้กับลูกค้า
“สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปีนี้ จากเทรนด์ความต้องการรถยนต์ของผู้บริโภคทั้งในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกและในประเทศไทย เราพบว่าความต้องการในรถยนต์ไฟฟ้านั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเหตุผลหนึ่งมาจากสภาวะอากาศที่แย่ลงโดยเฉพาะการมีฝุ่น PM 2.5 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการคมนาคม ที่ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการในรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นได้จากยอดขายรถยนต์ Plug-in Hybrid ของ      เมอร์เซเดส-เบนซ์เองที่ทำได้มากกว่า 16,000 คันนับตั้งแต่เราเปิดตัวรถยนต์ Plug-in Hybrid รุ่นแรกในปี 2559 โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย เป็นผู้นำตลาดอันดับต้น ๆ ของโลกที่มีสัดส่วนการจำหน่ายรถยนต์
Plug-in Hybrid สูงประมาณ 25% ของยอดจำหน่ายทั้งหมดในประเทศไทย เมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงเล็งเห็นว่า        การรณรงค์ให้ทุกคนหันมาใช้รถยนต์ที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นน่าจะเป็นหนทางที่ถูกต้อง ปัจจุบันในประเทศไทยมีรถยนต์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ EQ Power อยู่มากกว่า 16,000 คันที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ หากขับขี่ในโหมดไฟฟ้า เพียงผู้ใช้ชาร์จไฟและขับขี่ในโหมดนี้ทุกวันก็จะช่วย  ลดปริมาณ PM 2.5 ลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังพร้อมเปิดตัวรถยนต์ “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic” และ “Mercedes-Benz GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic” รถยนต์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดขนาดกลางรุ่นใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมเตรียมส่งรถยนต์รถยนต์เอสยูวี อีกหลายรุ่น อาทิ “Mercedes-Benz GLB” รถยนต์คอมแพ็คเอสยูวี ที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงรถยนต์เอสยูวีพลังงานไฟฟ้า 100% คันแรกจาก เมอร์เซเดส-เบนซ์อย่าง “Mercedes-Benz EQC” ที่จะนำมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกที่งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์เพื่อลุยตลาดไทยภายในปีนี้   นี่คือทิศทางการทำธุรกิจที่เราจะมุ่งหน้าไปอย่างเต็มกำลังในปี 2563 นี้”นายโรลันด์ กล่าว
ทางด้าน เครือข่ายผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มีการขยายอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่เปิด บริษัท เจริญมอเตอร์เชียงราย จำกัด โชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ในเชียงรายเพิ่มอีก 1 แห่งเมื่อต้นเดือนก. พ. 2563 ที่ผ่านมา และเมื่อ 20 ก.พ.2563 ได้เปิดโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ล่าสุด บริษัท แอทต้า ออโต้ เฮาส์ จำกัด ในกรุงเทพฯ ส่งผลให้เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ36 แห่งทั่วประเทศ โดยแบ่งเป็นผู้จำหน่ายในกรุงเทพฯ 19 แห่ง และผู้จัดจำหน่ายในต่างจังหวัดรวม 17 แห่ง
ส่งมอบ2.3ล้านคันทั่วโลก
    รายงานข่าวเปิดเผยว่า ปี2562 ที่ผ่านมาเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั่วโลกมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 โดยบริษัท ส่งมอบรถยนต์ทั้งหมด 2,339,562 คัน ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ สำหรับยอดขายใน 1 ปี ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเป็นผู้นำอันดับ 1 ในเซกเมนต์ลักชัวรีในหลายประเทศ รวมทั้ง เยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สเปน เบลเยียม สวิสเซอร์แลนด์ โปแลนด์ โปรตุเกส เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย   ประเทศไทย เวียดนาม สิงคโปร์ แคนาดา และ แอฟริกาใต้
นายโฟล์เกอร์กล่าวว่า แม้สภาวะเศรษฐกิจในตลาดโลกจะอยู่ในช่วงชะลอตัวและส่งผลกระทบโดยตรง  ต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ แต่เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงเล็งเห็นความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์เอสยูวีระดับลักชัวรี  บริษัทได้เตรียมความพร้อมล่วงหน้าเพื่อแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า  และรถยนต์เอสยูวีออกมาเพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าทั้งในตลาดโลกและในตลาดไทยต่อเนื่องในปี 2563 นี้
สำหรับรถใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวมีดังนี้
GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic3,749,000 บาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic คือรถยนต์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดขนาดกลางที่มาพร้อมรูปลักษณ์อันแข็งแกร่งและมอบความรู้สึกสุนทรีย์ในเวลาเดียวกัน ภายใต้การยกระดับใหม่ในทุก ๆด้านด้วยสมรรถนะของเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 211 แรงม้า          และจากมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า รวมเป็นกำลังสูงสุด 320 แรงม้า พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9สปีดแบบ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้นและยังช่วยประหยัดได้มากถึง 6.5%
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic ยังมาพร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง “Hey Mercedes” ระบบสั่งงานด้วยเสียงซึ่งสามารถประมวลผลประโยคที่ใกล้เคียงกับคำสั่งทั่วไปได้ ทั้งจดจำและเรียนรู้การสั่งงานได้ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างคุณกับรถได้อย่างไร้ที่ติ ระบบปรับรูปแบบการขับขี่ (DYNAMIC SELECT) ที่เปลี่ยนจากการปรับโหมดขับขี่ผ่านพวงมาลัย มาเป็นการปรับโหมดการขับขี่ผ่านหน้าจอแสดงผล เป็นโหมดต่างๆ คือ  ECO, Comfort, Sport, Sport+, Individual โดยที่ระบบจะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ในส่วนต่าง ๆ อาทิ ระบบส่งกำลัง ระบบบังคับเลี้ยวหรือโปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ เป็นต้น GLC 300 e 4MATIC AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 3,749,000 บาท
GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamicราคา 4,090,000 บาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic เป็นรถยนต์เอสยูวีครอสโอเวอร์ที่เป็นมากกว่า เอสยูวีและรถยนต์คูเป้ ด้วยความโดดเด่นของดีไซน์ภายนอกอันโฉบเฉี่ยวดูสปอร์ตยิ่งกว่าที่เคยจากการผสมผสานดีไซน์ในแบบฉบับรถยนต์คูเป้และความเป็นรถยนต์เอสยูวี ทั้งหมดนี้ทำให้ GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic คือยนตรกรรมที่มีตัวตนไม่เหมือนใครในท้องถนน ทั้งยังเติมเต็มทุกอารมณ์ของการขับขี่ ด้วยสมรรถนะของเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่จะพาคุณก้าวสู่โลกสีเขียวแห่งอนาคต โดยผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 211 แรงม้า และจากมอเตอร์ไฟฟ้า 122 แรงม้า รวมเป็นกำลังสูงสุด 320 แรงม้า พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะแบบ 9G-TRONIC ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์มีความนุ่มนวลมากยิ่งขึ้นและยังช่วยประหยัดการใช้พลังงานได้มากถึง 6.5%
GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic มาพร้อมหน้าจอแสดงผลดิจิทัลเต็มรูปแบบที่มีการแสดงผล           แบบ “Classic”, “Progressive” และ “Sporty” ทำให้คุณตัดสินใจเลือกข้อมูลสำคัญและประเภทการแสดงผลข้อมูลดังกล่าวได้ผ่านจอแสดงผล ขนาด 31.2 ซม. ถ่ายทอดภาพที่คมชัด และสามารถเห็นได้ชัดเจนในทุกสภาพแสง
พร้อมตอบสนองทุกการเคลื่อนไหวของคุณ ด้วยระบบ MBUX หรือ Mercedes-Benz User Experience ที่ทำงานร่วมกันกับแผงคอนโทรล และหน้าจอดิจิทัลที่จะแสดงระบบการนำทางได้แบบเต็มหน้าจอ และพร้อม           อำนวยความสะดวกสบายให้คุณได้อย่างสูงสุด รวมไปถึงระบบเสียงรอบทิศทาง Burmerster ที่เปลี่ยน             ให้เพลงโปรดของคุณกลายเป็นประสบการณ์ความบันเทิงระดับโลกรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น GLC 300 e 4MATIC Coupé AMG Dynamic วางจำหน่ายในราคา 4,090,000 บาท
 

Advertisements
Advertisements
- Advertisement -

Related news

- Advertisement -
Exit mobile version