กลุ่มธนบุรีพานิช ทุ่ม 650 ล้านบาท เสริมความแกร่ง ผลิต C 300 BlueTEC HYBRID
ธนบุรีพานิช เดินหน้าไลน์ประกอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ C 300 BlueTEC HYBRID คันแรกของประเทศไทย ครบวงจรตั้งแต่การประกอบ จำหน่าย และ ศูนย์บริการระดับมาตรฐาน 3 แห่งในกรุงเทพฯ
กรุงเทพฯ (2 เม.ย. 2558) – กลุ่มธนบุรีพานิช เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในฐานะโรงงานรับจ้าง ผลิตรถยนต์ ของคนไทยโดย ลงทุน 650 ล้านบาท จัดซื้อเครื่องจักร เพื่อเสริมการผลิตระดับมาตรฐานสากล ล่าสุด เปิดไลน์ประกอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ C 300 BlueTEC HYBRID โดยจะเพิ่มกำลังการผลิต รองรับ ยอดขาย 3 ปีข้างหน้า ในขณะที่ด้านการค้าปลีก กลุ่มธนบุรีพานิช ในฐานดีลเลอร์ ตั้งเป้าส่วนแบ่งทางการตลาดปี 2558 ไว้ที่ 13% และจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 15% ในอีก 5 ปี (พ.ศ. 2563)
นายวีระชัย เชาว์ชาญกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด โรงงานผู้รับจ้างผลิตรถยนต์ให้กับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย)จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงทุน ราว 650 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงงาน เป็นการลงทุนสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดรถหรูหรา เพื่อให้มีความสามารถในการผลิตสอดคล้องกับความต้องการของตลาดในประเทศและเอเชียที่เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ยาวนานกว่า 40 ปี กับ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด โดยได้รับ จ้าง ผลิตรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C 300 BlueTEC HYBRID แบบซีเคดีหรือ การผลิตรถยนต์ประกอบภายในประเทศ (Completely Knocked Down)
รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C 300 BlueTEC HYBRID แบบซีเคดี คือว่า เป็นการดำเนินการประกอบรถ ครบทั้ง 3 ขั้นตอนหลัก คือ 1. การประกอบโครงสร้างตัวถัง (Body Shop) ซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนที่มีทั้งเหล็กชนิดพิเศษ และอลูมิเนียม เพื่อความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา 2. การทำสี (Paint) ซึ่งใช้มาตรฐานการทำสีของเมอร์เซเดส-เบนซ์ และ 3. การประกอบขั้นสุดท้าย (Final Assembly) ด้วยความพิถีพิถัน โดยมีการใช้เทคโนโลยีดีเซล ไฮบริด และใช้อะไหล่ที่ผลิตในประเทศมากกว่า 40% ภายใต้มาตรฐานคุณภาพการประกอบรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จากบริษัท เดมเลอร์ เอจี ประเทศเยอรมนี
นอกจากนี้ บริษัท ธนบุรีพานิช จำกัด ในฐานะผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ อย่างเป็นทางการได้จัดสรรงบประมาณกว่า 300 ล้านบาท เพื่อสร้างโชว์รูมสาขางามวงศ์วานใหม่ โดยได้ขยายพื้นที่จากเดิม 1.2 ไร่ เป็น 4 ไร่ และจะปรับปรุงโชว์รูมสาขาลุมพินี และสาขาราชดำเนินให้สวยงามและทันสมัย ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่าการปรับปรุงโชว์รูม รวมทั้งการจัดกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ และสิทธิพิเศษในรูปแบบต่างๆ อาทิ การทดลองขับรถยนต์ การจัดกิจกรรมแรลลี่ หรือการจัดชมภาพยนตร์รอบพิเศษ จะสามารถสนับสนุนให้บริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 13% ภายในปี 2558 นี้
“ปัจจุบันกลุ่มธนบุรีพานิชมีส่วนแบ่งตลาดคิดเป็น 12.5% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 15% ในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2563 เนื่องจากยอดขายรถใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเศรษฐกิจในประเทศเริ่มมีสัญญาณที่ดีและน่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายวีระชัย กล่าว
นายวีระชัย ระบุว่า ด้วยความสมบูรณ์แบบและครบวงจร ตั้งแต่การผลิตรถยนต์ตามมาตรฐานเมอร์เซเดส-เบนซ์ การเป็นผู้จำหน่ายที่มีโชว์รูมครอบคลุมพื้นที่ในกรุงเทพฯ และบริการหลังการขาย การดูแลสภาพรถจากช่างที่เข้าใจและรู้จริงเรื่องรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมถึงการเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งยาวนานกับ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จะทำให้กลุ่มธนบุรี-พานิช สามารถครองตำแหน่งที่หนึ่งในใจของลูกค้าเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้อย่างมั่นคง และพัฒนาบริษัทฯ ได้อย่างยั่งยืนต่อไป