รายงานข่าวจาก บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์นิสสัน เปิดเผยว่า นิสสันพร้อมเปิดตัวรถยนต์ รุ่น คิกส์ อีพาวเวอร์ (Nissan Kicks)รุ่นใหม่ในวันที่ 1ก.ค.65 โดยจัดให้มีการแถลงข่าวรอบสื่อมวลชนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สำหรับนิสสัน คิกส์ พีเพาเวอร์ ปี 2022 ใหม่พร้อมการปรับปรุงเพื่อให้มีคุณสมบัติ เทคโนโลยี สไตล์ที่ปรับแต่งได้ และเพิ่มมูลค่าสำหรับผู้ซื้อที่กำลังมองหาในรถแบบครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัด
การเปลี่ยนแปลงใหม่ ได้แก่
มีการ ปรับปรุง รูปลักษณ์ภายนอกด้วยกระจังหน้า “Double V-motion” ใหม่ที่โดดเด่นและไฟหน้า LED ลายล้อใหม่ ภายในปรับปรุงด้วยคอนโซลกลางแบบใหม่เบาะนั่งและวัสดุตกแต่งใหม่ จอแสดงผลข้อมูลไดรเวอร์ใหม่ขนาด 7.0 นิ้วในแผงมิเตอร์ ปรับเพิ่มสีใหม่ที่โดดเด่นขึ้น รวมถึงการผสมผสานแบบทูโทนใหม่
สำหรับฟังก์ชั่นมาตรฐานประกอบไปด้วย Apple CarPlay® และ Android Auto™ หน้าจอสัมผัสขนาดมาตรฐาน 7.0 นิ้วพร้อมหน้าจอสัมผัสสีขนาด 8.0 นิ้วใหม่ในเกรด พอร์ต USB มาตรฐานสามพอร์ตพร้อม USB Type-C ใหม่นอกจากนี้ยัง คิกส์อี-พาวเวอร์ ใหม่ได้เพิ่มระดับของ ระบบขับขี่อัตโนมัติ (autonomous drive) เป็นระดับL2 จากรุ่นปัจจุบันเป็นระดับ L1
สำหรับคิกส์อี-พาวเวอร์ เป็นรถที่ประกอบในประเทศไทย(CkD) โดยเปิดตัวครั้งแรกในเมื่อ15 พฤษภาคม 2563 โดยรุ่นที่จำหน่ายในไทย อยู่ภายใต้ระหัสตัวถังP15 จัดอยู่ในกลุ่มรถคอมแพ็ค ไฮบริด (HEV) เครื่องยนต์เบนซิน ระหัสHR12 1.2 ลิตร (1192cc.)12 วาล์ว 3 สูบ แถวเรียงแบบ DOHC (Double Overhead Camshaft) ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเบนซิน E20 ระบบอี-พาวเวอร์ ให้พละกำลังสูงสุด 95 กิโลวัตต์ (129 พีเอส) มีแรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตร (Nm) และใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 1.57 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ที่มี 4 โมดูล
รถที่มีความประหยัดพลังงานเฉลี่ย 23.8 กม/ลิตร เมื่อเทียบกับน้ำหนักรถ 1350 กก.ถือว่าประหยัดสูงใกล้เคียงกับรถ อีโค คาร์เลยทีเดียว นอกจากเทคโนโลยี ระบบขับเคลื่อนด้วยอี-พาวเวอร์ แล้วยังมีระบบ เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ วัน-เพดัล (One-Pedal) ช่วยให้ผู้ขับขี่ เร่ง ชะลอความเร็ว และเบรกจนรถหยุดนิ่งได้ด้วยคันเร่งเพียงอย่างเดียว การใช้คันเร่งเดียวช่วยให้ การรักษาระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้า การชะลอความเร็ว และการหยุดเมื่อลงเขาหรือหยุดเมื่อเจอสัญญาณไฟจราจร สะดวกสบายและง่ายยิ่งขึ้น
ปัจจุบันคิกส์อี-พาวเวอร์ เปิดจำหน่ายในไทย 3 รุ่นย่อย ประกอบไปด้วย
รุ่น e-Power E ราคา 949,000 บาท
รุ่น e-Power V ราคา 999,000 บาท
รุ่น e-Power VL ราคา 1,049,000 บาท
การพัฒนาเทคโนโลยี อี-เพาเวอร์
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยมลพิษ และลดอัตราความสูญเสียบนท้องถนนให้เป็นศูนย์ ผ่านนวัตกรรมยานยนต์ที่ใช้พลังงานสะอาดในปี พ.ศ. 2549 นิสสันประสบความสำเร็จด้วยการคิดค้นและพัฒนาแบตเตอรีสำหรับรถยนต์แบบไฮบริดที่มีประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ในขณะเดียวกันก็มีการนำเทคโนโลยีของนิสสันไม่ว่าจะเป็น การผสมผสานของเครื่องยนต์ผลิตกำลัง มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน เพื่อให้เกิดความทนทาน ลดเสียงรบกวน, ลดการสั่นสะเทือน และลดความกระด้างต่างๆ (Noise/Vibration/Harshness – NVH) ซึ่งทั้งหมดได้กลายมาเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาขุมพลังสุดล้ำอย่าง อี-เพาเวอร์ สำหรับรถยนต์ขนาดคอมแพ็กต์โดยเฉพาะ และในปี2559 นิสสันได้แนะนำเทคโนโลยีนี้คิดตั้งในรถหลายรุ่นรวมถึง คิกส์ อี-พาวเวอร์ เพื่อทำตลาดโลก
ขุมพลัง อี-เพาเวอร์ (e-POWER) เป็นการประยุกต์จากแนวคิดของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีอยู่ในนิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานมาแล้วทั่วโลก โดยในระบบใหม่นี้มีการติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กเพิ่มเติมเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานสูง เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก แต่ยังให้พลังงานไฟฟ้าในขนาดใกล้เคียงกัน
อี-เพาเวอร์ เทคโนโลยี
ระบบ อี-เพาเวอร์ ของคิกส์ ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง, เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator), อินเวอร์เตอร์ (Inverter), และ มอเตอร์ไฟฟ้า โดยรถยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเท่านั้น ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ถูกส่งมาให้กับมอเตอร์ไฟฟ้านั้น จะถูกเก็บอยู่ในแบตเตอรี่กำลังสูง(เวอร์ชั่นไทย ใช้แบตเตอรี่ขนาด 95kW) โดยที่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดกะทัดรัดในทำหน้าที่ในการสร้างกระแสไฟฟ้าเข้ามาเก็บอยู่ตลอดเวลาเพื่อชดเชยกระแสไฟฟ้าที่ถูกใช้งานไป
ภายใต้ ระบบอี-เพาเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่เชื่อมต่อเข้ากับชุด เกียร์โดยตรง แต่จะทำงานร่วมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าและชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ก่อนที่กระแสไฟฟ้านี้จะถูกส่งไปสู่มอเตอร์ไฟฟ้าในการสร้างกำลังเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนตัวรถ
ล้ำกว่าไฮบริดทั่วไป
ระบบ อี-เพาเวอร์ มีความโดดเด่นกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับระบบไฮบริดแบบดั้งเดิม ซึ่งมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กเชื่อมต่อเข้ากับเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อขับเคลื่อนผ่านระบบส่งกำลัง เพราะในระบบไฮบริดทั่วไปมอเตอร์ไฟฟ้าจะไม่ทำงานในภาวะที่แบตเตอรีมีกำลังไฟฟ้าต่ำหรือขณะอยู่ในย่านความเร็วสูง และขณะเดียวกัน ระบบ อี-เพาเวอร์ยังแตกต่างกับรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับพลังงานไฟฟ้ามาจากชาร์จแบตเตอรีเพียงอย่างเดียวอีกด้วย
โดยทั่วไป โครงสร้างของระบบรถยนต์ไฟฟ้าแบบ นิสสัน ลีฟจำเป็นต้องมีมอเตอร์และแบตเตอรีขนาดใหญ่เป็นแหล่งกำลังหลักในการขับเคลื่อน ซึ่งยากต่อการนำระบบไปประยุกต์ให้เข้ากับรถยนต์แบบคอมแพ็กต์ทั่วไปได้ แต่ทีมวิศวกรของนิสสันสามารถค้นพบวิธีการที่ลดได้ทั้งขนาดและน้ำหนักไปจนถึงพัฒนาวิธีการควบคุมมอเตอร์และจัดการพลังงานไฟฟ้าที่เกิดขึ้น ซึ่งผลที่ได้ทำให้ขุมพลัง อี-เพาเวอร์ มีแบตเตอรีที่มีขนาดย่อมกว่านิสสัน ลีฟ แต่สามารถให้ความรู้สึกในการขับขี่เช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า
ประโยชน์ของ อี-เพาเวอร์ (e-POWER)
ขุมพลังแบบ อี-เพาเวอร์ (e-POWER) ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีความเงียบในระหว่างการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยในระบบ อี-เพาเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับรถไฮบริดทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยี ouhยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle – BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย