เปอโยต์เคาะกลยุทธ์รุกตลาดไทย ปี2022 เล็งขยายเครือข่ายครบ25แห่งใน2ปี

- Advertisement -
- Advertisement -

เล็งเปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้าลงตลาดไทย

Advertisements

เปอโยต์ ประเทศไทย ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ เปอโยต์ อย่างเป็นทางการในประเทศไทย แถลงผลประกอบการปี 2021 พร้อมเผยกลยุทธ์การทำตลาดในปี 2022 โดย 2 ปีที่ผ่านมา เปอโยต์ ประเทศไทยได้การตอบรับที่ดีจากผู้ใช้รถชาวไทยผ่านรถยนต์ 3 รุ่นที่ทำตลาดในปัจจุบัน คือ 2008 เอสยูวี, 3008 เอสยูวี และ 5008 เอสยูวี 7 ที่นั่ง

นายสุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ “เปอโยต์” จากฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2019 ที่เปอโยต์ได้กลับมาทำตลาดในประเทศไทย ได้การตอบรับจากผู้ใช้รถในประเทศไทยอย่างอบอุ่น ปัจจุบัน มีจำนวนรถยนต์ เปอโยต์ ในประเทศไทยรวมสูงกว่า 1,000 คัน ซึ่งปี2022นี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการสรรหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับการพัฒนาคุณภาพบริการหลังการขาย และการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความพึงพอใจสูงสุด ให้กับลูกค้าทุกราย

คาดเปิดครบ 25 สาขา ในปี 2024

นายสุนทรพันธ์ เปิดเผยต่อไปว่า ในระยะยาวเปอโยต์ ประเทศไทย มุ่งพัฒนาบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ควบคู่ไปกับการขยายเครือข่ายโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการครบวงจร ให้ครอบคลุมหัวเมืองใหญ่โดยมีเป้าหมายขยายเครือข่าย25สาขาในปี2024 ปัจจุบันเปอโยต์มีเครือข่ายรวม มี 5 สาขาในกรุงเทพฯ คือ เยาวราช, สุขุมวิท, เกษตร-นวมินทร์, สยามพารากอน และวงเวียนพระราม 5-ราชพฤกษ์ รวมถึง 3 สาขาต่างจังหวัด คือ หาดใหญ่, ภูเก็ต และอุบลราชธานี ภายใต้บริษัท ไลอ้อน ออโตโมบิล จำกัด รวมไปถึงสาขา มีนบุรี ภายใต้ บริษัท บริษัท อีสเกท จำกัด และสาขา อุดรธานี ภายใต้บริษัท เคซีซี ออโต้ เซลส์ จำกัด โดยในปี 2022 มีแผนขยายสู่จังหวัดพิษณุโลก, โคราช, ชลบุรี และเชียงใหม่

สุนทรพันธ์ เดชะเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เบลฟอร์ต ออโตโมบิล (ประเทศไทย)


ส่งเสริมกิจกรรม CSR

Advertisements

ตลอดระยเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา เปอโยต์ประเทศไทย มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว สวนกระแสตลาดยานยนต์ทั่วโลก ที่กำลังเผชิญวิกฤต โควิด-19 ปัจจุบัน เปอโยต์ ประเทศไทย มีฐานลูกค้ากว่า 1,000 ราย สำหรับรถใหม่ของเปอโยต์นั้นได้มองไปถึงโอกาสในการนำรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาทำตลาดประเทศไทยในอนาคต

นายสุนทรพันธ์ กล่าวอีกว่าในปี2022นี้ เบลฟอร์ต ออโตโมบิล พร้อมทำตลาดภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ช่วงเวลาที่มีคุณภาพ’ (Turn Time Into Quality Time) หรือเป็นการทำให้ผู้ครอบครองรถยนต์ เปอโยต์ มีช่วงเวลาที่มีความสุข ผ่านผลิตภัณฑ์ คุณภาพบริการหลังการขาย การมีอะไหล่รองรับ และการเพิ่มเครือข่ายอย่างต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมคืนกำไรให้สังคม ผ่านการทำกิจกรรมเพื่อสังคม (CSR-Corporate Social Responsibility) อย่างต่อเนื่อง

กำเนิด STELLANTIS ทะยานเป็นผู้ผลิตรถยนต์ อันดับ 4 ของโลกเปอโยต์ เป็นรถยนต์ที่อยู่ในเครือ กรุ๊ป พีเอสเอ (Groupe PSA) ของฝรั่งเศส โดยช่วงปี 2021ได้มีการควบรวมกับ เอฟซีเอ หรือ เฟียต ไครสเลอร์ ออโตโมบิล (FCA-Fiat Chrysler Automobile) และเปลี่ยนชื่อเป็น ‘สเตลแลนทิส’ (STELLANTIS) ส่งผลให้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก กับแบรนด์รถยนต์ในเครือมากถึง 14 แบรนด์ โดยในปีที่ผ่านมา เปอโยต์ มียอดขายรวมทั่วโลกสูงกว่า 1.2 ล้านคัน

อัตลักษณ์ใหม่ ทันสมัย ถูกใจคนเจนฯ วายช่วงปี 2021 เปอโยต์ เผยโฉม โลโก้แบบใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 210 ปี สอดคล้องกับยนตรกรรมรุ่นใหม่, การก้าวสู่ยุคของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า รวมถึงเป็นการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เหนือชั้นโลโก้ใหม่เป็นลำดับที่ 11 นับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัทช่วงปี 1850 โดยใช้หัวสิงโตแบบ 2 มิติ ที่ผ่านการดีไซน์ใหม่ ล้อมรอบด้วยกรอบทรงคล้ายโล่ห์ ให้อารมณ์ในสไตล์เรโทร เช่นเดียวกับคอนเซ็ปต์คาร์ ‘e-Legend’ ที่เผยโฉมต่อสาธารณะชนในปี 2018
สำหรับประเทศไทย โลโก้แบบใหม่จะเริ่มนำมาใช้ในการสื่อสารเป็นอันดับแรก พร้อมคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘Be Your First European Car’ หรือรถยุโรปคันแรกของคุณ จากนั้นจึงขยายสู่โชว์รูม เปอโยต์ ต่อไป โดยภายในปี 2023 โชว์รูม เปอโยต์ ทั้งหมดในประเทศไทย จะได้รับการเปลี่ยนโฉมอย่างสมบูรณ์

สำหรับผลการดำเนินงานของเปอโยต์ในไทย รายงานจากโตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้ทำหน้าที่รวบรวมสถิติรายงานแก่สื่อมวลชน ระบุว่า ในปี2564 ที่ผ่านมาเปอโยต์มียอดขาย 440 คันเติมโตเพิ่มขึ้น1.1%จากปี2563 ที่จำหนายได้435 คัน และครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์รวม0.1% สำหรับรถรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด ตามลำดับได้แก่ รุ่น3008 รองลงมาได้แก่5008

ส่วนรายงานจากกรมการขนส่งทางบกระบุว่า ในปี2564 เปอโยต์มีการจดทะเบียนรถใหม่ป้ายแดง ประเภทรถยนต์นั่งไม่เกิน7 ที่นั่งมียอดรวม 333 คัน เติบโตลดลง 16.75% จากยอดจดทะเบียนในปี2563 จำนวน 400 คัน

Advertisements
- Advertisement -

Related news

- Advertisement -
Exit mobile version