Thursday, November 21, 2024

โตโยต้าเปิดศึกรถเก๋งส่งเทคโนโลยีไฮบริดดันยอด อัลติสโฉมใหม่ลุยตลาดคอมแพ็ค

- Advertisement -spot_imgspot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img

โตโยต้า “โคโรลล่า อัลติส ใหม่รุ่นที่ 12 อัดไฮบริดครบไลน์พร้อมเล็งเป้าขาย2300คันต่อเดือน
กรุงเทพ-3 ก.ย.62 นายมิจิโนบุ ซึงาตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยนายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และนายรุ่งโรจน์ ขันชะลี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์โตโยต้า ร่วมกันแถลงข่าวแนะนำ รถยนต์นั่งขนาดคอมแพค รุ่น  โคโรลล่า อัลติส โฉมใหม่ ซึ่งเป็นอัลติส ในรุ่นที่ 12  ณ จีเอ็มเอ็ม ไลฟ์เฮ้าส์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
นำเสนอไฮบริดเป็นครั้งแรกในอัลติส
อัลติส รุ่นใหม่เป็นการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมดโดยโตโยต้าได้นำเสนอเครื่องยนต์ 2 แบบคือเบนซินธรรมดา1.6และ1.8 กับเครื่องยนต์ไฮบริด (เจนเนอเรชั่นที่ 4)  ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่โตโยตาวางเครื่องยนต์ไฮบริดในโคโรลล่า โดยมีให้เลือก 3  รุ่น นอกจากนี้ ยังได้แนะนำ รุ่นสปอร์ตใหม่“ Corolla Altis GR-Sport” ที่พัฒนาภายใต้แนวคิด“ Gazoo Racing Sport” โดย
รุ่น GR-Sport จะมาพร้อมกับแพ็คเกจพิเศษ เพิ่มแอโรไดนามิกและจะมอบความตื่นเต้นเร้าใจในการขับขี่

Advertisements

ราคา

สำหรับรุ่นเครื่องยนต์1.8ไฮบริด
– Hybrid High เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,099,000 บาท***
– Hybrid Mid เกียร์อัตโนมัติ ราคา 989,000 บาท***
– Hybrid Entry เกียร์อัตโนมัติ ราคา 939,000 บาท***
(*สำหรับสีพิเศษ White Pearl มีเฉพาะรุ่น Hybrid และเครื่องยนต์ 1.8 GR-Sport เพิ่ม 10,000 บาท)
สำหรับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน(2ขนาด)
– 1.8 GR-Sport** เกียร์อัตโนมัติ ราคา 999,000 บาท***
(**มี 3 สี White Pearl, Red Mica Metallic, Attitude Black Mica)
– 1.6G เกียร์อัตโนมัติ ราคา 869,000 บาท***
– Limo เกียร์อัตโนมัติ ราคา 829,000 บาท***
***ราคาดังกล่าวเป็นราคารถยนต์พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานที่ผลิตจากโรงงาน รวมราคาชุดอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
ตัวเลือก โคโรลล่า อัลติส ใหม่ 6 รุ่น และ 7 สี
– White Pearl* – Phantom Brown
– Super White II – Attitude Black Mica
– Silver Metallic – Red Mica Metallic
สีใหม่ 1 สี
– Celestite Gray
การออกแบบ
“โคโรลล่า อัลติส” ใหม่ดีไซน์ภายนอกใหม่ เส้นสายหนักแน่นเด่นชัดรอบคัน แสดงให้เห็นถึงความแข็งแรง ภายในกว้างขวาง การตกแต่ง ให้ความรู้สึกเรียบหรู และออกแบบ โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายในการใช้งานของผู้ขับขี่และผู้โดยสารเป็นหลัก
อัลติสยังคงพัฒนารถภายใต้แนวทางของสถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA (Toyota New Global Architecture) ให้ความสนุกสนานในการขับขี่ (Fun-to-drive) มีระบบความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกรุ่นล่าสุด (Toyota Safety Sense)
นายมิจิโนบุ ซึงาตะ กล่าวว่า โคโรลล่าได้สร้างตำนานในฐานะรถยนต์โตโยต้ามาแล้วมากกว่า 50 ปี นับตั้งแต่รุ่นแรกจนถึงรุ่นล่าสุด บริษัทยังคงรักษาไว้ซึ่งพื้นฐานอันสำคัญทางด้านคุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ โดยโคโรลล่ารุ่นแรก เริ่มผลิตในญี่ปุ่นตั้งแต่ปีพ. ศ. 2509 และได้รับความนิยมอย่างล้นหลามในประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้กลายเป็นรถยนต์ที่มียอดขายสูงสุดภายใน3ปีและได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันนี้มียอดขายสะสมมากกว่า 47 ล้านคันทั่วโลก ซึ่งรถยนต์โคโรลล่าหนึ่งคันจะถูกขายทุกๆ 15 วินาที ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ถือเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดสำหรับโตโยต้าทั่วโลก
ในประเทศไทย โคโรลล่า เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อปีพ. ศ. 2509  จากผลตอบรับของลูกค้าชาวไทย ในช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา โคโรลล่าสามารถครองความนิยมในฐานะรถยนต์นั่งที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในประเทศไทย ด้วยยอดขายสะสมกว่า 800,000 คัน
นายรุ่งโรจน์ ขันชะลี กล่าวว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในครั้งนี้ ยังคงรักษาไว้ซึ่งแกนหลักของความเป็นรถยนต์โคโรลล่า โดยมีการพัฒนารถยนต์เพื่อให้ทุกๆคนได้รู้สึกสนุกสนานไปกับประสบการณ์ที่ได้รับจากการขับขี่ อีกทั้งยังคงเป็นรถที่มีคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่น ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งโคโรลล่า อัลติส ใหม่ มาพร้อมกับสถาปัตยกรรมยานยนต์ TNGA ก่อให้เกิดการพัฒนาครั้งใหญ่ และเป็นรถที่ดีกว่าเดิมอย่างก้าวกระโดด
โดยในครั้งนี้ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ ได้รับการพัฒนาให้มี 5 จุดขายหลัก ได้แก่
1. ด้านการออกแบบ – ภายนอกได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “Shooting Robust” กับเส้นสาย ที่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย ให้ความหนักแน่น ภายในได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “Clean & Wide” ตัวรถกว้างขวาง คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งานจริง เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย ให้ความเพลิดเพลินและสะดวกสบายตลอดการเดินทาง
2. ด้านประสิทธิภาพของการขับขี่ – สถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ TNGA ที่ช่วยทำให้จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถโดยรวมลดลง เพิ่มประสิทธิ
ภาพการทรงตัวทั้งการขับขี่ทางตรงและในขณะเข้าโค้ง ช่วงล่างด้านหน้า MacPherson Strut และช่วงล่างด้านหลังอิสระแบบปีกนกคู่ Double Wishbone เพิ่มความนุ่มนวลในขณะโดยสารและเพิ่มประสิทธิภาพการทรงตัวได้อย่างดีเยี่ยม รวมถึงการเพิ่มวัสดุดูดซับเสียงและ
การสั่นสะเทือนในตำแหน่งต่างๆ สร้างความผ่อนคลายให้กับผู้โดยสารตลอดการเดินทาง
3. ระบบ ไฮบริด เจเนอเรชั่นที่ 4 – ครั้งแรกกับ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ รถยนต์รุ่นเดียวในตลาด C-Segment ที่ใส่ระบบ Full hybrid system ช่วยให้ประหยัดน้ำมันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังคงไว้ซึ่งความสนุกในการขับขี่ และตอบสนองต่อการเร่งแซงได้อย่างมั่นใจ
นอกเหนือจากเครื่องยนต์ไฮบริด โคโรลล่า อัลติส ใหม่ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรและ 1.6 ลิตร เบนซิน เพื่อตอบสนองต่อทุกความต้องการในทุกกลุ่มลูกค้า โดยมีการปรับจูนเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ให้มีอัตราเร่งตอบสนองที่ดีเยี่ยม และเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ให้มีความเหมาะสมต่อการใช้งานทั่วไป
4. ระบบความปลอดภัย
1. ระบบความปลอดภัยก่อนการชน (Active Safety) โคโรลล่า อัลติส ใหม่ ได้เพิ่มระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา (Blind Spot Monitor) และระบบช่วยเตือนในขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert) อีกทั้งยังคงมีระบบควบคุมการทรงตัว VSC (Vehicle Stability Control) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC (Hill Start Assist Control) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับทุกรุ่น
2. ระบบความปลอดภัยหลังการชน (Passive Safety) โดยตัวรถมีการเสริมโครงสร้างด้านหน้า เพื่อช่วยถ่ายเทแรงในกรณีที่เกิดการปะทะ และโครงสร้างด้านข้างแบบวงแหวน ช่วยลดการยุบตัวจากการชน รวมทั้งมีถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มความมั่นใจในการปกป้องผู้โดยสารรอบคัน
3. Toyota Safety Sense ใหม่ล่าสุด ที่มีระบบการทำงานเพิ่มเติมคือ Dynamic Radar Cruise Control แบบ Full-Speed range
ซึ่งสามารถปรับลดความเร็วจนถึงจุดหยุดนิ่งตามรถยนต์ คันหน้าและระบบ Lane Tracing Assist ที่ช่วยประคองรถยนต์ให้วิ่งอยู่ในเลนได้เอง แม้ในขณะเข้าโค้ง เพื่อช่วยลดความเมื่อยล้าในขณะขับขี่
5. ระบบการเชื่อมต่อ – สะดวกสบายไปกับ Apple CarPlay และ T-Connect Telematics เพื่อช่วยให้ไม่พลาดในทุกการเชื่อมต่อ ทุกที่ และทุกเวลา
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ กล่าวว่า โคโรลล่า อัลติส ใหม่มีระดับ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก ก็คือ กลุ่มคนวัยทำงานที่มองหารถยนต์ที่มีดีไซน์เรียบหรูมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมฟังก์ชันครบครัน ทดแทนกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เพื่อตอบรับการใช้งานได้เป็นอย่างดี โดยบริษัทได้กำหนดแนวทางการสื่อสารของ โคโรลล่า อัลติส ใหม่ ให้สามารถสะท้อนภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์และบุคลิกของผู้ใช้งาน ด้วยสโลแกน All New Corolla Altis, “Make A New High” “ข้ามสู่ขีดสุดที่เหนือกว่า”
ณเดชน์ คูกิมิยะพรีเซ็นเตอร์
และเพื่อเป็นการตอกย้ำถึงภาพลักษณ์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย บริษัทได้ใช้พรีเซนเตอร์คนล่าสุด คือณเดชน์ คูกิมิยะ นักแสดงยอดนิยม ที่สะท้อนภาพลักษณ์ ที่บ่งบอกถึงความหรูหราของโคโรลล่า อัลติสใหม่ และหลังจากนี้จะมีการจัดกิจกรรมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ที่โชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ ในวันที่ 13-15 กันยายน62นี้ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสและทดลองขับ พร้อมร่วมสนุกกับกิจกรรมพิเศษ
นอกจากนั้น เรายังได้จัดเตรียมข้อเสนอพิเศษ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของโคโรลล่า อัลติส ใหม่ ได้ง่ายขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% หรือ ผ่อนเริ่มต้นเพียง 8,500 บาท ต่อเดือน และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่โคโรลล่า อัลติส ใหม่ มีแพ็คเกจการขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพและฟรีค่าแรงเช็คระยะ อีกทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด
โดยแพ็คเกจการรับประกันรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ที่ครอบคลุมทั้งแบตเตอรี่ ระบบไฮบริด และการรับประกันราคาขายต่อที่โตโยต้า ชัวร์ เช่นเดียวกับ C-HR และ Camry Hybrid โดยเราได้วางเป้าหมายการขาย ไว้ที่ 2,300 คัน ต่อเดือน

ข้อมูลผลิตภัณฑ์ : โคโรลล่า อัลติส ใหม่
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นเหนือใคร
• ไฟหน้า LED Projector เปิด – ปิด อัตโนมัติ
• ไฟส่องสว่างกลางวันแบบ LED Daytime Running Lights
• ไฟท้าย LED Rear Lamps
• ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
• ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ (Smart Entry) สามารถปลดล็อกประตูได้โดยอัตโนมัติ
– ภายในเหนือกว่าทุกความสะดวกกับฟังก์ชันเหนือชั้น
• Head Up Display หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ
• Push Start ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ
• Optitron Meter with Multi Information Display 7” มาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 7 นิ้ว
• Touchscreen 8” support Apple CarPlay with Navigator หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay พร้อมระบบนำทาง Navigator รองรับ T-CONNECT
• Automatic Air Conditioning System ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
• Nanoe ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารสร้างโมเลกุลน้ำล้อมรอบประจุลบเพื่อขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค
• Auto Folding Mirror กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ
• Wireless Charger แท่นชาร์จไฟแบบไร้สาย
• EC Mirror กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
• Auto Brake Hold ระบบหน่วงแรงเบรกอัตโนมัติ และ Electric Parking Brake ระบบเบรกมือไฟฟ้า
• Rear Air Conditioning ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง
• Rear Sunshade ม่านบังแดดที่กระจกหลัง
– สถาปัตยกรรมยานยนต์ใหม่ (TNGA)
• BODY RIGIDITY…เพิ่มความมั่นคงของรถจากโครงสร้างเหล็กที่แข็งแรง พร้อมเพิ่มจำนวนจุดเชื่อมตัวรถ (Spot welding) ช่วงรองรับแรงบิดที่มีต่อตัวถัง เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวและเกาะถนน
• LOWER CENTER OF GRAVITY…ออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงรถต่ำ ลดอาการโคลงของตัวรถ ช่วยเรื่องการทรงตัวและการเข้าโค้งดีขึ้น
• DOUBLE WISHBONE SUSPENSION…ช่วงล่างอิสระแบบปีกนกคู่ เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่ยังคงไว้ซึ่งการเกาะถนนอย่างดีเยี่ยม
• GOOD HANDLING…พวงมาลัยมีการปรับจูนใหม่ ตอบสนองแม่นยำมากขึ้น เพื่อให้การควบคุมรถง่าย เป็นไปอย่างมั่นใจ
• EXCELLENT VISIBILITY…ออกแบบตัวรถให้เหมาะกับสรีระผู้ขับขี่ ช่วยเพิ่มทัศนวิสัย ลดจุดอับสายตา
สำหรับรุ่น GR SPORT
• Sport Leather Seats เบาะหนังคู่หน้าทรงสปอร์ตดีไซน์สีดำตกแต่งสีแดง
• Steering Switches ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและควบคุมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ที่พวงมาลัย
• Optitron Meter with Multi Information Display 4.2” มาตรวัดเรื่องแสงแบบ Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีขนาด 4.2 นิ้ว
• Push Start ระบบสตาร์ทอัจฉริยะ • Back Guide Monitor กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
• Gear SUPER CVT-i 7 Speed with Sequential Shift เกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift
• Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย
• Double Wishbone Suspension ช่วงล่างอิสระแบบปีกนกคู่ เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่แต่ยังคงไว้ซึ่งการเกาะถนนได้อย่างดีเยี่ยม
• Body Rigidity เพิ่มความมั่นคงของรถจากโครงสร้างเหล็กที่แข็งแรง พร้อมเพิ่มจำนวนจุดเชื่อมตัวรถ (Spot Welding) ช่วยรองรับแรงบิดที่มีต่อตัวถัง เพิ่มประสิทธิภาพในการทรงตัวและเกาะถนน
ระบบไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 (4th Generation Hybrid)
พัฒนาแบตเตอรี่ใหม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อความทนทานและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น
สำหรับรุ่นไฮบริด
– เครื่องยนต์ 2ZR-FXE ขนาด 1.8 ลิตร พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า และเกียร์ E-CVT ขีดสุดแห่งพลังขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 เพิ่มประสิทธิภาพและประหยัดน้ำมันได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับรุ่น GR SPORT
– เครื่องยนต์ 2ZR-FBE ขนาด 1.8 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift ขีดสุดแห่งความแรง ด้วยอัตราเร่งเต็มพลังตอบสนองได้ดั่งใจ เพื่อการขับขี่ที่เต็มประสิทธิภาพ
สำหรับรุ่น 1.6G
– เครื่องยนต์ 1ZR-FBE ขนาด 1.6 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ SUPER CVT-i 7 สปีดพร้อม Sequential Shift ให้คุณมั่นใจกับการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ
ระบบความปลอดภัย
• Back Guide Monitor กล้องมองภาพขณะถอยหลัง
• Rear Cross Traffic Alert ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ
• Hill-start Assist Control ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
• Blind Spot Monitor ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง
• Back Sonar สัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ
• Tire Pressure Monitoring System ระบบแจ้งเตือนเมื่อลมยางผิดปกติ
• Traction Control System ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี
• Vehicle Stability Control ระบบควบคุมการทรงตัว
• Anti-lock Brake System ระบบป้องกันล้อล็อก
• Electronic Brake-force Distribution ระบบกระจายแรงเบรก
• Brake Assist ระบบเสริมแรงเบรก
• ถุงลมเสริมความปลอดภัยระบบ SRS 7 ตำแหน่งทุกรุ่น
• โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พร้อมคานนิรภัย

Advertisements
- Advertisement -spot_imgspot_img

Latest news

Advertising

spot_img

Related news

- Advertisement -spot_img