BMW Xpo 2017 ไกด์ไลน์ เอาไว้เดินเลือกถอยBMW ป้ายแดง

- Advertisement -
- Advertisement -

BMW Xpo 2017  อิเวนท์ใหญ่สุดประจำปีของ ค่ายกังหันสีฟ้า ซึ่งจัดมาเพื่อ เปิดดันยอดขายในช่วง ครึ่งปีหลังของปี และก็จัดงานขึ้นทุกๆ ปี โดยในแต่ล่ะปี BMW ก็ถือโอกาสนี้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และรุ่นพิเศษ เพื่อเป็นแม่เหล็กในงาน
“BMW Xpo ถือเป็นงานสำคัญประจำปีสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู และยังเป็นโอกาสของผู้ซื้อที่จะเลือกซื้อรถหรูหราระดับพรีเมี่ยมจากBMW ผู้สนใจจะได้สัมผัสกับหลากหลายรุ่นรถยนต์จากบีเอ็มดับเบิลยูที่นำมาจัดแสดง ณ เซ็นทรัลเวิลด์ และมีรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดให้เลือกเพิ่มเติม อย่างบีเอ็มดับเบิลยู M4 DTM  Champion Edition และบีเอ็มดับเบิลยู 730Ld Pure Excellence BMW Xpo 2017 จัดที่ที่ศูนย์การสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ ในระหว่างวันที่ 7-10 กันยายน 2560 รวมทั้งหมด 4 วันโดยมีรถใหม่ๆ น่าสนใจดังนี้
รถใหม่ในงาน
มีรถทั้งหมด 4 รุ่น ที่เปิดตัวในงานนี้ โดย
1. รุ่นเป็นรถหายาก ผลิตแบบจำกัด คือ  M4 DTM Champion Edition รุ่นพิเศษนี้มีคนจองแล้วไปได้แต่ชมซื้อไม่ได้เพราะ เมืองไทยสั่งมาได้ 1 คัน
2. บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld Pure Excellenceและบีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ที่มีรุ่นประกอบในประเทศออกทำตลาดเป็นครั้งแรก สองตัวนี้เข้ามาทำการประกอบในประเทศเพิ่มขึ้นจากเดิม ไลน์ของรถไม่มีเกรดนี้
3.ส่วนอีกตัว ถือเป็นไฮไลท์แต่ไม่ได้เป็นรถใหม่ครั้งแรก เพียงแค่ แต่งหน้าทาปากโดยการทำสีพิเศษ คือ บีเอ็มดับเบิลยู i8 (Protonic Frozen Black Edition)
4.บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e Pure Experience อัพเกรดชุดแต่ง
 
 M4 DTM Champion Editionราคา 13,939,000 บาท
        M4 DTM Champion Edition ทำการผลิตเพียง 200 คันทั่วโลก เป็นสุดยอดรถ อีกคันหนึ่ง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะของนักขับชาวเยอรมัน มาร์โก วิทแมนน์ จาก BMW Team RMG ผู้คว้าชัยในฐานะสุดยอดนักขับจากการแข่งขันทัวริ่งคาร์รายการ Deutsche Tourenwagen Masters หรือ DTM ประจำปี 2016  M4 DTM Champion Edition รวบรวมเทคโนโลยีชั้นเยี่ยมจากรถแข่งตัวจริงไว้ ซึ่งรูปร่างของ DTM Champion Edition มีรูปลักษณ์คล้ายคลึงกับรถแข่ง DTM ตัวจริงมากที่สุด  เช่น แถบตกแต่งสไตล์รถแข่งสุดคลาสสิค ตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยู M  ตัวถังสีขาว Alpine White  ชิ้นส่วนคาร์บอนต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาอย่างดีเพื่อทำหน้าที่ด้านอากาศพลศาสตร์เรียกว่า ขยายแก้มที่คลุมซุ้มล้อเมื่อไร มันคือ DTM ตัีวแข่งจริงๆ นั่นเอง
สิ่งที่น่าสนใจของเทคโนโลยี ในการเป็นรถแข่ง คือ การฉีดน้ำเข้าไปในระบบ เผาไหม้ของเครื่องยนต์ด้วยนวัตกรรมระบบหัวฉีดน้ำ (water injection) ซึ่งเทคโนโลยีนี้ใช้เพื่อลดความร้อนในจุดที่ต้องการ และมีติดตั้งในรถแข่ง และรถตระกูล M อย่าง  บีเอ็มดับเบิลยู M4 GTS
บีเอ็มดับเบิลยู M4 DTM Champion Edition ต่อยอดการพัฒนาโครงสร้างน้ำหนักเบาของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M4  รุ่นมาตรฐาน ด้วยส่วนกระโปรงหน้า-หลัง หลังคา โครงแผงหน้าปัด และแผงใต้กันชนท้าย ที่ทำจากวัสดุล้ำยุคอย่างพลาสติกเสริมเส้นใยคาร์บอน (carbon-fibre-reinforced plastic; CFRP) ในขณะที่ระบบท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ตพร้อมท่อเก็บเสียงที่ทำมาจากไทเทเนียมน้ำหนักเบาพิเศษ
ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู M4 DTM Champion Edition โดดเด่นด้วยเบาะหน้าคู่แบบ M Carbon bucket seat ที่หุ้มวัสดุพิเศษ Alcantara และหนังแกะเมอริโน ส่วนพื้นผิวอื่นๆ ในห้องโดยสารก็หุ้มด้วยวัสดุคุณภาพสูงอย่าง Alcantara  รวมถึงพวงมาลัย M Sports ที่มีเครื่องหมายสีเทาที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ขณะที่เบาะหลัง ไม่มีแต่ถูกแทนที่ด้วยโครงเหล็ก (rollover bar) ด้านความสะดวกสบายและความปลอดภัยก็ครบครันด้วยระบบนำทางแบบ Professional ไฟหน้า LED ที่มาพร้อมระบบ BMW Selective Beam ไฟท้ายแบบ OLED ระบบควบคุมการจอดด้านหน้าและด้านหลังหรือ Park Distance Control และกระจกภายในและภายนอกที่ปรับระดับความสว่างได้อัตโนมัติ
สำหรับเครื่องยนต์ ใช้เครื่อง 6 สูบ กำลังสูงสุดถึง 368 กิโลวัตต์ / 500 แรงม้า   แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ซึ่งสูงกว่าบีเอ็มดับเบิลยู M4 รุ่นมาตรฐานถึง 51 กิโลวัตต์ / 69 แรงม้า และ 50 นิวตันเมตร ตามลำดับ  M4 DTM Champion Edition สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลา3.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง
 
บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ราคา 6,339,000 บาท บาท
 บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ซึ่งเป็นการ เพิ่มไลน์ของซีรี่7 โดยทำการประกอบในประเทศ(CKD) สุนทรียะแห่งการขับขี่อีกรุ่นหนึ่งที่มีจุดเด่น หาตัวเปรียบยากในแง่ของ ความสะดวกสบายในการเดินทางระยะไกล ความหรูหรา ด้วยโครงสร้างตัวถัง Carbon Core (เทคโนโลยีน้ำหนักเบา ใช้โครงสร้างนี้ในi8 เป็นครั้งแรก)
เครื่องยนต์ของบีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence ให้กำลังสูงสุดที่ 190 กิโลวัตต์/258 แรงม้า ด้วยเทคโนโลยี BMW TwinPower นับเป็นขุมพลัง 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู ส่วนระบบขับขี่แบบไฟฟ้า ให้กำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 83 กิโลวัตต์/113 แรงม้าโดยเมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้ รถจะมีกำลังสูง 240 กิโลวัตต์/326 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
เมื่อขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence จะสามารถสร้างระยะทางสูงสุดได้ถึง  41 กิโลเมตร มอเตอร์ไฟฟ้าถูกนำมารวมเข้ากับระบบเกียร์ 8 สปีด Steptronic เพื่อตอกย้ำประสิทธิภาพขั้นสูงสุดของการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าที่สร้างความปราดเปรียวขณะขับขี่ และการนำพลังงานส่วนเกินกลับมาใช้จากระบบเบรก
บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน4ล้อแบบถาวรช่วยเสริมการเกาะถนน รักษาการควบคุมรถและความคล่องตัวไว้ได้อย่างครบถ้วนแม้ในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
ด้วยการจ่ายพลังงานระหว่างล้อหน้าและล้อหลังที่สมบูรณ์แบบ บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence จึงสามารถเร่งความเร็วได้อย่างทรงพลัง ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรภายใน 5.3 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 47.6 กิโลเมตรต่อลิตร และอัตราการปล่อย CO2 ที่ 49 กรัมต่อกิโลเมตร เมื่อขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วน  ตัวรถจะทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
บีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence มาพร้อมกับสวิทช์ปรับโหมดขับขี่ที่ออกแบบใหม่  ติดตั้งอยู่บนคอนโซล ผู้ขับขี่สามารถกดปุ่มเพื่อเลือกโหมดการขับขี่ 3 โหมด  โดยสวิทช์ปรับโหมดดังกล่าวยังเสนออีกหนึ่งทางเลือกด้วยโหมด ADAPTIVE ซึ่งสามารถตอบสนองต่อสไตล์การขับขี่และสภาพเส้นทางได้อย่างฉลาด
ทั้งนี้ สามารถชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงกับเต้าเสียบที่บ้านได้ เต็มภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ระบบการชาร์จไฟที่บ้านภายใต้ BMW 360° ELECTRIC ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อคงไว้ซึ่งความปลอดภัย ใช้งานสะดวก และความรวดเร็วสูงสุด ในขณะที่แท่นชาร์จบีเอ็มดับเบิลยู i Wallbox สามารถชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงได้ในอัตรา 3.5 กิโลวัตต์ (16 แอมป์/ 230 โวลต์) สามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลา  2 ชั่วโมง 40 นาที
 
บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld Pure Excellenceราคา5,839,000 บาท 
 รุ่นย่อยของซีรี่ส์7 อีกรุ่น คือ 730Ld Pure Excellence โดยเทคโนโลยี BMW EfficientLightweight ช่วยลดน้ำหนักรวมของบีเอ็มดับเบิลยู 730Ld Pure Excellence ได้สูงสุดถึง130 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
โครงสร้างตัวถัง Carbon Core ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในบีเอ็มดับเบิลยู i8 และการผสมผสานวัสดุพลาสติก เสริมเส้นใยคาร์บอน (CFRP) เข้ากับเหล็กกล้าและอลูมิเนียม ทำให้ตัวถังของบีเอ็มดับเบิลยู 730Ld Pure Excellence        มีความแข็งแรงและมั่นคงในส่วนห้องโดยสารมากกว่ารุ่นก่อน ทั้งยังลดน้ำหนักของตัวรถลงไปพร้อมๆ กัน
บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld Pure Excellence ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียงขนาด 3 ลิตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 620 นิวตันเมตร ทำงานเชื่อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.2 วินาที
ส่วนระบบ Air Flap Control จะเปิดช่องระบายอากาศโดยอัตโนมัติเมื่อตัวรถต้องการระบายความร้อน โดยนอกจากจะเพิ่มสมรรถนะด้านอากาศพลศาสตร์ให้กับรถแล้ว ยังเสริมความสะดุดตาให้กับส่วนหน้าของรถด้วยจำนวนซี่ของ ไตคู่บีเอ็มดับเบิลยูที่เพิ่มขึ้น ส่วนกรอบไฟหน้าขยายไปจนถึงขอบกระจังหน้า ในขณะที่ดวงไฟทรงกลมคู่ เป็นเอกลักษณ์ของบีเอ็มดับเบิลยูมีขอบบน-ล่างในทรงตัด เพื่อให้ตัวรถดูสง่างามในมาดขรึมยิ่งขึ้น
บีเอ็มดับเบิลยู 730Ld Pure Excellence ใช้หน้าจอควบคุม iDrive แบบระบบสัมผัส  อีกหนึ่งฟังก์ชั่นใหม่ของการใช้งานร่วมกับระบบ iDrive คือ การสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวของมือโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ หรือ BMW Gesture Control เซ็นเซอร์ 3 มิติจะจับการเคลื่อนไหวของการสั่งงานระบบควบคุมความบันเทิง   และการสื่อสาร ซึ่งใช้งานได้อย่างง่าย เช่น การปรับระดับเสียง การรับหรือปฏิเสธสายเรียกเข้าโทรศัพท์ เป็นต้น
ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู 740Le xDrive Pure Excellence และบีเอ็มดับเบิลยู 730Ld Pure Excellence   ใช้ไฟหน้า Adaptive LED กุญแจ BMW Display Key ระบบนำทางแบบ Professional และระบบปฏิบัติการ iDrive ที่รวมถึงฟังก์ชั่นทัชสกรีนบนหน้าจอ และ BMW Gesture Control การสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหว (สองฟังก์ชั่นนี้เพิ่มใหม่เป็นมาตรฐาน)ของมือโดยไม่ต้องสัมผัสหน้าจอ บริเวณห้องโดยสารด้านหน้าและด้านหลังมาพร้อมกับเบาะนั่งที่สะดวกสบายด้วยระบบระบายอากาศในเบาะและฟังก์ชั่นนวดเพื่อสุขภาพ และฟังก์ชั่นในการปรับเบาะให้อุ่นได้
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e Pure Experienceราคา 4,439,000 บาท 
บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e Pure Experience  คือการปรับปรุงให้เกรด โดยเอาชุดอลูกมิเนี่ยม ติดตั้งเพิ่มโดยในรุ่น Pure Experience ตัวรถจะมาพร้อมกับบันไดข้างอลูมิเนียม  รางหลังคาเคลือบอลูมิเนียมด้าน ระบบช่วงล่างแบบ comfort adaptive ที่เน้นความนุ่มสบายใน การขับขี่ และ ล้ออัลลอยดีไซน์ Star-spoke style 449 ขนาด 19 นิ้ว
เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรของบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e สามารถคว้ารางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมแห่งปี International Engine of the Year มาครองได้ถึงสามสมัย ด้วยสมรรถนะที่โดดเด่นจากเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ TwinScroll ระบบหัวฉีดน้ำมันที่มีความแม่นยำสูง และระบบ VALVETRONIC ซึ่งทำให้เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นขุมพลังเบนซิน 4 สูบที่ทรงพลังที่สุดของบีเอ็มดับเบิลยู ส่งกำลังสูงสุดที่ 180 กิโลวัตต์/245 แรงม้า พร้อมแรงบิด                   350 นิวตันเมตร สู่ล้อรถได้อย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่อง
ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าก็มอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 83 กิโลวัตต์/113 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร (184 ปอนด์-ฟุต) ที่พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกับเครื่องยนต์หลักเพื่อให้คุณขับขี่ได้สนุก ทันใจ เร่งความเร็วได้โดยไม่ต้องรอ บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 6.8 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 230 กิโลวัตต์/313 แรงม้า ให้คุณเร่งความเร็วได้อย่างใจนึก ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 29.4 กิโลเมตรต่อลิตรและ ลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 79 กรัมต่อกิโลเมตร
เทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด ในบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e สามารถนำสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งาน อย่างคุ้มค่า ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และยังสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียเลย แบตเตอรี่ของรถมีความจุ 9 กิโลวัตต์ชั่วโมง และสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป โดยมีช่องเก็บสายชาร์จอยู่ใต้พื้นที่เก็บของ
เมื่อแบตเตอรี่หมด สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านให้เต็มได้โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง 50 นาที หรือเลือกเสริมประสิทธิภาพการชาร์จด้วยอุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) จาก BMW  360° ELECTRIC ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.5 กิโลวัตต์ (16 แอมป์/230 โวล์ท) จึงสามารถชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 45 นาที
 
บีเอ็มดับเบิลยู i8 (Protonic Frozen Black Edition)ราคา 11,839,000 บาท 
บีเอ็มดับเบิลยู i8 Protonic Frozen Black Edition ผลิตมาในจำนวนจำกัด โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์เตะตากับกระบวนการทำสี BMW Individual paint finish เฉพาะรุ่น พื้นผิวภายนอกสุดเอ็กซ์คลูซีฟในสีดำด้าน Protonic Frozen Black พร้อมแต่งด้วยสีเทาเมทัลลิค Frozen Grey เสริมบุคลิกโฉบเฉี่ยวบนผิวนอกของตัวรถที่ใช้วัสดุพลาสติกเสริมเส้นใยคาร์บอน (CFRP) ด้วยเทคนิคการทำสีขั้นสูง สีดำ Protonic Frozen Black สะดุดตาด้วย พื้นผิวดำด้านที่เหลือบแสงอย่างนุ่มนวล เน้นย้ำให้เห็นถึงเส้นสายที่โค้งมนและโฉบเฉี่ยวบนพื้นผิวของรถยนต์ สปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดรุ่นนี้
ภายในห้องโดยสารของบีเอ็มดับเบิลยู i8 รุ่นพิเศษนี้ โดดเด่นด้วยตะเข็บเบาะและคอนโซลกลางสีเหลืองที่ตัดกับพื้นผิวสีดำอย่างชัดเจน เน้นย้ำถึงความสปอร์ตและหรูหราที่สัมผัสได้ในทุกองศา นอกจากนี้ ยังมีการใช้ตะเข็บสีเหลืองสะดุดตาเพิ่มเติมในส่วนของบานประตูด้านใน พรมปูพื้นรถ และส่วนล่างของแผงหน้าปัด ขณะที่ผ้าบุเพดานสีดำแอนทราไซต์ สายเข็มขัดนิรภัยสีเทา คันเกียร์และปุ่มควบคุม iDrive เคลือบเซรามิก และขอบประตูด้านล่างที่สลักอักษรเป็นคำว่า “Edition” ช่วยเสริมความแตกต่างแบบเฉพาะตัว
 
โปรโมชั่นในงาน
(สำหรับรถยนต์ใหม่เท่านั้น)

ลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นที่เข้าร่วมรายการ* ภายในงาน BMW Xpo 2017 พร้อมด้วยแพ็คเกจบริการ BSI Ultimate ที่ระยะเวลาการบำรุงรักษาฟรี 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร และการรับประกัน 5 ปีโดยไม่จำกัดระยะทาง โดยมีกำหนดส่งมอบรถไม่เกินวันที่ 30 กันยายน 2560 จะได้รับการขยายระยะเวลาโปรแกรม BSI ครอบคลุมการบำรุงรักษาฟรี 6 ปี / 120,000 กิโลเมตร พร้อมรับประกัน 6 ปีแบบไม่จำกัดระยะทาง
นอกจากนี้ ลูกค้าทุกท่านที่สั่งจองรถยนต์ภายในงาน BMW Xpo 2017 โดยมีกำหนดส่งมอบรถไม่เกินวันที่ 30 ก.ย.60 จะได้รับลำโพงบลูทูธ Bowers & Wilkins T7 เป็นของสมนาคุณ
* ข้อเสนอการขยายเวลาในโครงการ BSI และการรับประกันนี้ ไม่ครอบคลุมรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในตระกูล i และ M
** สำหรับลูกค้าที่สั่งจองรถยนต์ใหม่และวางเงินมัดจำภายในงาน BMW Xpo 2017 โดยมีกำหนดส่งมอบรถภายในวันที่ 30 กันยายน 2560 เท่านั้น
 
รถโชว์อื่นๆ 18 คัน
ภายในงาน BMW Xpo 2017  มีการนำเอารถทุกรุ่นจากบีเอ็มดับเบิลยู มาแสดง เต็มรูปแบบ รวมถึง 18 รุ่น ในพื้นที่จัดแสดง 5 โซนนำเสนอไฮไลท์ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3, 5, 7, ตระกูล X   และตระกูล i
ณ ปี พ.ศ. 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย โรงงานประกอบที่ระยอง สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 18 รุ่น  ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู  ซีรีส์ 1, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู X1, บีเอ็มดับเบิลยู X3, บีเอ็มดับเบิลยู X4,และ บีเอ็มดับเบิลยู X5 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 800 R,  บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS, บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure, บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GT, บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 2 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e และบีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport[fblike]
 

Advertisements
Advertisements
- Advertisement -

Related news

- Advertisement -
Exit mobile version