Flat Torque เป็นคำที่ใช้ในบริบทของเครื่องยนต์และยานยนต์ หมายถึงความสามารถของเครื่องยนต์ในการสร้างแรงบิด (แรงหมุน) ในระดับสม่ำเสมอตลอดความเร็วรอบเครื่องยนต์ RPM (รอบต่อนาที)
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เครื่องยนต์ที่มี กราฟแรงบิด (torque curve)เป็นเส้นแบบเรียบ ให้กำลังการดึงที่ค่อนข้างสม่ำเสมอและสม่ำเสมอตลอดช่วงการทำงานทั้งหมด ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญบางประการที่ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Flat Torque
: ความสม่ำเสมอ: กราฟแรงบิดแบบ Flat Torque หมายความว่าเครื่องยนต์สามารถสร้างแรงบิดได้เกือบคงที่ตั้งแต่ RPM ต่ำไปจนถึง RPM สูง คุณลักษณะนี้เป็นที่ต้องการด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงการปรับปรุงการขับขี่และการตอบสนองในสภาพการขับขี่ที่แตกต่างกัน
กำลังรอบต่ำที่ดีกว่า: เครื่องยนต์ที่มีเส้นกราฟ แรงบิดแบบราบเรียบนี้ มักจะมีกำลังรอบต่ำที่ดี ทำให้เหมาะสำหรับงานต่างๆ เช่น การขี่ทางวิบากหรือการลากจูง ซึ่งแรงบิดที่ความเร็วต่ำเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเอาชนะสิ่งกีดขวางหรือการลากของหนัก
สมรรถนะที่ราบรื่น: รถหรือยานพาหนะที่ติดตั้งเครื่องยนต์ที่ให้แรงบิดแบบแบนมีแนวโน้มที่จะให้อัตราเร่งที่นุ่มนวลกว่าและคาดการณ์ได้มากกว่า สิ่งนี้สามารถยกระดับประสบการณ์การขับขี่โดยรวมและลดความจำเป็นในการเปลี่ยนเกียร์บ่อยครั้งในระบบเกียร์ธรรมดา ประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง: เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดคงที่ ยังช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีขึ้น เนื่องจากช่วยให้คนขับสามารถรักษาความเร็วให้สม่ำเสมอมากขึ้น โดยไม่ต้องเติมคันเร่งบ่อยๆ
ความคล่องตัว: เส้นกราฟของแรงบิด แบบเรียบมักพบเห็นได้ในเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จรุ่นใหม่ ทำให้ในการใช้งานรถจะมี ความคล่องตัว กระฉับกระเฉงซึ่งพาวเวอร์แบนด์ที่กว้างเป็นสิ่งสำคัญ ในรถขนาดใหญ่ๆ เช่น ในรถบรรทุก รถ SUV และรถสปอร์ตบางรุ่น
การบรรลุการสร้างกราฟแรงบิด Flat Torque เกี่ยวข้องกับการออกแบบ ทางวิศวกรรม รวมถึงการปรับระบบไอดีและไอเสียของเครื่องยนต์ให้เหมาะสม การปรับจังหวะการจุดระเบิด การออกแบบ เทอร์โบชาร์จเจอร์หรือซูเปอร์ชาร์จเจอร์ เพื่อเพิ่มแรงบิดรอบต่ำ เทคนิคเหล่านี้มีเป้าหมาย เพื่อ ออกแบบลักษณะสมรรถนะของเครื่องยนต์เพื่อให้ส่งกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพและสม่ำเสมอทุกช่วง RPM
ในรถยนต์ไฟฟ้า เป็นรถที่มีอัตราเร่งดีและมีแรงบิดแบบ Flat Torque เนื่องจากลักษณะเฉพาะของมอเตอร์ นั้นให้แรงบิดออกมาแบบ ลิเนียร์ ทอร์ค(Linear Torque) คือการทำงานที่แรงบิดสูงสุดตั้งแต่รอบแรก ไม่มีอาการรอรอบ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมอัตราเร่งของบรรดารถยนต์ไฟฟ้า0-100 กม/ชม. ถึงทำเวลาได้ดีเท่าๆ กับเหล่าบรรดาซูเปอร์ คาร์ เลยทีเดียว
