กฏเหล็กBEV กุญแจดันไทยสู่ฐานผลิตรถ รถไฟฟ้า

- Advertisement -spot_imgspot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img

รายละเอียดเงื่อนไขการรับเงินอุดหนนจากรัฐฐาลของรถยนต์ BEV ขายเท่าไรผลิตในประเทศขึ้นต้น 1.1เท่า

Advertisements

ตามมติคณะกรรมการนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ครั้งที่ 3/2564 และ 1/2565 ให้ออก “มาตรการกระตุ้นภาษี EV” ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 ก.พ.65 หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลังและกรมสรรพสามิต ได้ออกประกาศบังคับใช้มาตรการ EV Package (สำหรับปี 2565-2568) ตามลำดับ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นความต้องการรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) โดยปรับราคาให้เท่ากัน ของรถยนต์ BEV และรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน

แรงจูงใจของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของประเทศไทย
แพ็คเกจ EV ในปัจจุบันซึ่งครอบคลุมรถยนต์ BEV 3 ประเภท ได้แก่ 1.รถยนต์นั่ง 2.รถจักรยานยนต์ และ3.รถกระบะ ส่วนใหญ่ประกอบด้วยสิทธิพิเศษลดภาษีสำหรับCBU ที่นำเข้ามาทดลองตลาด สิทธิลดหย่อนภาษีสรรพสามิต และเงินอุดหนุนสรรพสามิต รายละเอียดโดยสรุป

  1. สิทธิลดหย่อนอากรสำหรับ CBU BEV ที่นำเข้ามาทดลองตลาด
    ภายใต้ประกาศกระทรวงการคลังข้างต้น การนำเข้ารถยนต์นั่ง CBU BEV (“CBU BEV”) ที่มีจำนวนที่นั่งน้อยกว่า 10 ที่นั่งจะได้รับสิทธิลดหย่อนอากรดังต่อไปนี้ ขึ้นอยู่กับการใช้ FTA

1.1 CBU BEV ที่มีขนาดแบตเตอรี่มากกว่า 10 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) และราคาขายปลีกที่แนะนำ (SRP) ต่ำกว่า 2 ล้านบาท:

สำหรับผู้ที่ไม่ได้นำเข้าภายใต้ FTA อัตราภาษีนำเข้าจะลดลงจาก 80% เป็น 40%
สำหรับผู้ที่นำเข้าภายใต้ FTA ที่มีอัตราอากรต่ำกว่า 40% จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้า
สำหรับผู้ที่นำเข้าภายใต้ FTA ที่มีอัตราอากรมากกว่า 40% จะถูกลดอากรขาเข้าอีก 40%

1.2 CBU BEV ที่มีขนาดแบตเตอรี่เกิน 30 kWh และ SRP มากกว่า 2 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 7 ล้านบาท:
สำหรับผู้ที่ไม่ได้นำเข้าภายใต้ FTA อัตราอากรขาเข้าจะลดลงจาก 80% เป็น 60%
สำหรับผู้ที่นำเข้าภายใต้ FTA ที่มีอัตราอากรต่ำกว่า 20% จะได้รับการยกเว้นอากรขาเข้า
สำหรับผู้ที่นำเข้าภายใต้ FTA ที่มีอัตราอากรตั้งแต่ 20% ขึ้นไป ให้ลดอากรขาเข้าลงอีก 20%

Advertisements
  1. การลดภาษีสรรพสามิตจาก 8% เหลือ 2% สำหรับรถยนต์นั่ง BEV และ 0% สำหรับรถกระบะ BEV อยู่ระหว่างรอหลักเกณฑ์สรรพสามิตดำเนินการตามนโยบาย
  2. เงินอุดหนุนภาษีสรรพสามิต
    การอุดหนุนด้านภาษีสรรพสามิตใช้ได้กับทั้ง BEV ที่นำเข้าและผลิตในประเทศ (สำหรับรถปิคอัพ เงินอุดหนุนจะมอบให้กับรถยนต์ที่ผลิตในประเทศเท่านั้น) ผู้ผลิตที่มีสิทธิ์ซึ่งนำเข้า CBU BEV ในช่วงปี 2565-2566 จะต้องชดเชยการผลิตด้วยการผลิตรถยนต์รุ่นใดก็ได้ (หาก CBU BEV มี SRP ไม่เกิน 2 ล้านบาท และความจุแบตเตอรี่ 10 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง) หรือผลิตรถยนต์ที่ใกล้เคียงกับรุ่นที่นำเข้า (หาก CBU มี SRP ระหว่าง 2-7 ล้านบาท) ในอัตราส่วนการนำเข้าต่อการผลิตในประเทศที่ 1:1 ภายในสิ้นปี 2567 การขยายกำหนดเวลาสำหรับการผลิต อนุญาตให้มีการชดเชยถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2025 แต่อัตราส่วนการผลิตชดเชยจะเพิ่มขึ้นเป็น 1:1.5

นอกเหนือจากเงื่อนไขข้างต้น BEV ที่ผลิตในประเทศจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดวัสดุในท้องถิ่นที่กำหนดในประกาศสรรพสามิตลงวันที่ 21 มีนาคม 2565

การไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศสรรพสามิต เช่น การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยใน BEV ที่เข้าเกณฑ์โดยไม่ได้รับอนุมัติหรือไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดอัตราส่วนการผลิตแบบชดเชย จะส่งผลให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี EV ถูกเพิกถอนและมีความรับผิดในการชำระอากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและ ภาษี บวกค่าปรับ ค่าปรับ และค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมภายใต้กฎหมายศุลกากรและกฎหมายสรรพสามิตที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ เงินอุดหนุนจากสรรพสามิตจะถูกเรียกคืนและหนังสือค้ำประกันจากธนาคารจะถูกริบ


Note SRP-ราคาขายปลีกที่แนะนำ (กระทรวงพาณิชย์ประกาศให้สินค้ารถยนต์ต้องแสดงราคาขายปลีกตามประกาศกระทรวง)
CBU- รถนำเข้าสำเร็จรูป
CKD-รถประกอบในประเทศ

Advertisements
- Advertisement -spot_imgspot_img

Latest news

Advertising

spot_img

Related news

- Advertisement -spot_img