MG เปิดมิติใหม่ส่งHS ถล่มราคา ครอสโอเวอร์พรีเมี่ยม

- Advertisement -
- Advertisement -

เอ็มจี เปิดตัว NEW MG HSรถยนต์ SUV ที่สะท้อนภาพลักษณ์ของความสำเร็จด้วยนิยาม “ELEGANCEพร้อมจำหน่ายที่โชว์รูมรถยนต์เอ็มจีทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนนี้ และจะทยอยส่งมอบรถตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นไป

Advertisements

การเปิดตัวอย่างเป็นทางการของรถครอสโอเวอร์ตัวใหม่ ทำให้ตลาดหันมาจับตา MG ทันทีเพราะว่า การแนะนำHS ใหม่พร้อมด้วยการปรับภาพพจน์ในตัวผลิตภัณฑ์ทำให้ มีจุดที่น่าสนใจ HS เป็นการเปลี่ยนแปลงภายในด้าน “การตลาด”ครั้งสำคัญเพราะว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้แตกต่างไปจาก เอ็มจี โดยรวมก่อนหน้าไม่ว่า คุณภาพของวัสดุ การออกแบบ รูปทรงรวมถึงเทคโนโลยี ที่เป็นองค์ประกอบของรถสมัยใหม่

กรุงเทพ – 25 กันยายน 2562บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวแนะนำ NEW MG HS รถยนต์ SUVรุ่นล่าสุดที่พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ภายใต้แนวคิดELEGANCEโดยจะเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่โชว์รูม รถยนต์เอ็มจีทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนนี้ และจะทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้าได้ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นไป

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอ็มจีอยู้ในตลาดได้5ปี ได้นำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่เข้ามาเติมเต็มในเซ็กเม้นท์ (Segment) ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในหลากหลายกลุ่ม ครอบคลุมรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นนส่วนของตลาดรถยนต์ SUV นั้น เอ็มจี ได้เริ่มทำตลาดรถยนต์ในกลุ่มนี้ครั้งแรก โดยส่ง MG GS เข้ามาทำตลาดเมื่อ 3 ปีก่อน และต่อเนื่องด้วย MG ZS ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า สามารถสร้างการจดจำ ให้กับแบรนด์ เอ็มจี ในฐานะหนึ่งในผู้เล่นหลัก (Key player) ทั้งในกลุ่ม B-SUV และ C-SUV ในประเทศไทย โดยเฉพาะ MG ZSNEW MG HS” มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น C รุ่น D และรุ่นสูงสุด คือ รุ่น X พร้อมสีตัวถังทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีแดง Scarlet Red สีขาว Arctic White สีดำ Black Knight และ สีเงิน Silver Metallic ทั้งนี้ ทางบริษัทจะทยอย ส่งมอบรถ NEW MG HS ให้กับโชว์รูมเอ็มจี 110 แห่งทั่วประเทศ

วางตลาด3 เกรด
NEW MG HS มีวางจำหน่าย 3 รุ่นย่อยด้วยกันคือ

รุ่น C เป็นร่นล่างสุด ราคา 919,000บาท
รุ่น D เป็นตัวกลางราคา 1,019,000บาท
รุ่น X เป็นตัวทอป ราคา 1,119,000 บาท
สำหรับในการเปิดตลาด และขายจริง ในช่วง1000คันแรก เอ็มจีให้ส่วนลด อีก 34,000 บาททำให้ราคาสุทธิของรถใหม่ จะลดลงเริ่มต้นเหลือ 885,000 บาท (ราคาในรูป ภาพประกอบ) เมื่อเทียบกับออฟชั่นและคอมเซ็ป ของรถที่ให้ถือว่า”เป็นราคาที่จูงใจ”อย่างมากในตลาดขณะนี้

Advertisements

 
เจนเนอเรชั่นใหม่ของการออกแบบ
 MG HS เป็นการนำเสนอรูปแบบใหม่ของรถ ที่ลดเส้น คาแรคเตอร์ไลน์ (เส้นด้านข้าง)ลงไป และพิถีพิถันทั้งภายนอกภายใน เอ็มจีหันมานำเสนอ เส้นสายตัวถังแบบ British Shoulder Line เน้นเรื่องความโค้งมนของตัวรถ  ส่วนกระจังหน้า มีการปรับดีไซน์ให้ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ MG ซึ่งมาพร้อมแนวคิด ‘Stella Magnetic Field ที่ได้แรงบันดาลใจ มาจากกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่ดึงดูดเข้าหากัน
ห้องโดยสารพรีเมี่ยม
ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้มีความโค้งมนโอบรับสรีระ พร้อมการเล่นระดับมีสไตล์และตกแต่งด้วยวัสดุภายในให้สัมผัสนุ่ม (Soft Touch) ครอบคลุมทั้งบริเวณคอนโซลหน้า และแผงประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลัง  เพิ่มความพรีเมี่ยมยิ่งขึ้นด้วยเบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าแบบ Bucket Seat ทรงสปอร์ตสีดำสลับแดงที่มี ส่วนหุ้มด้วยวัสดุAlcantara (เฉพาะรุ่น  X) ในขณะที่เบาะหลังนั่งสบายปรับพับได้แบบ 60:40 พร้อมพนักพิงปรับองศาได้และที่วางแขนขนาดใหญ่ โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟในห้องโดยสารแบบ Interactive Ambient Light ที่มีแสงต้อนรับทันทีที่เปิดประตูและสามารถปรับโทนแสงภายในห้องโดยสารได้มากถึง 64 เฉดสี รวมทั้งยังสามารถปรับเปลี่ยนแบบอัตโนมัติตามโหมดการขับขี่ พร้อมหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ขนาดใหญ่ 1.1 ตารางเมตร เพิ่มสุนทรียภาพในการเดินทาง
จัดออฟชั่นเต็มพิกัด
NEW MG HS มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกในขณะขับขี่อย่างครบครัน อาทิ หน้าจอแสดงผลที่มาตรวัดแบบInteractive Multi – Function  Display ขนาด 7 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลทั้งเรื่องการขับขี่ ระบบความปลอดภัย ระบบความบันเทิง และระบบนำทาง พร้อมหน้าจอหลักแบบ Smart Touchscreen ขนาด 10 นิ้ว พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ Dual Zone และช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง พร้อมกุญแจระบบ Smart Key และปุ่ม Push Start นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งฝากระโปรงท้ายระบบไฟฟ้า (Electric Liftgate) ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
คลัชน์คู่ เบนซินเทอร์โบ1.51ลิตร
 MG HS มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ TST (Twin Clutch Sportronic Transmission) แบบ 7 สปีด ให้พละกำลังสูงสุดถึง 162 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตัน-เมตร ในรอบที่ต่ำเพียง 1,700 รอบต่อนาที โดยสามารถทำความเร็ว 0 ถึง 100 ได้ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที พร้อมรองรับน้ำมัน E85 โดยรุ่น X มาพร้อมปุ่มปรับโหมดการขับขี่ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ถึง  4 โหมด คือ โหมด Normal สำหรับการขับขี่แบบทั่วไป โหมด Eco เพื่อการประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น โหมด Sport  เพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่ และโหมด Custom ที่สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมปุ่ม Super Sport บนพวงมาลัยที่ช่วยเร่งพลังการขับขี่ให้แรงขึ้น เพิ่มอารมณ์การขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น
 MG HS มาพร้อมช่วงล่างตามแบบ Euro Tuning Suspension ที่ให้ทั้งความสบายและความมั่นใจในการ ขับขี่ด้วยช่วงล่างด้านหน้าแบบ MacPherson Strut ที่ได้รับการตั้งค่าให้เหมาะสมกับการขับขี่ของลูกค้า และช่วงล่างด้านหลังแบบ Multi-link ที่รองรับการขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย
 
 i-SMART เต็มรูปแบบ
 MG HS มาพร้อมระบบปฎิบัติการอัจฉริยะ i-SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์เอ็มจี ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่กับรถสามารถสื่อสารกันได้ เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Smart Command ระบบสั่งการที่สามารถสั่งการได้ด้วยเสียงภาษาไทย ที่มีฟังก์ชั่นการสั่งการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การโทรออก สั่งการควบคุมระบบเครื่องเสียง ระบบปรับอากาศ ระบบเปิด-ปิดหน้าต่างฝั่งคนขับ และระบบเปิด-ปิดหลังคาซันรูฟ รวมถึงค้นหาจุดที่น่าสนใจ (Point Of Interest) ผ่าน Navigator เพื่อวางแผนการท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังสามารถสั่งการระบบต่างๆ ผ่านหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ หรือเลือกสั่งการผ่าน MG Mobile Application บนสมาร์ทโฟน Smart Connect ที่สามารถค้นหาเพลงฮิต เพลงดังผ่าน Online Music และค้นหาร้านอาหารเด็ด                         สถานที่ท่องเที่ยวและโรงแรม แสดงผลการจราจร รวมถึงอัพเดตข่าวสารในปัจจุบันบนหน้าจอในรถ และ Smart Check ที่สามารถตรวจสอบสถานะ และตรวจเช็กรถได้อย่างง่ายดาย ตลอดจนการสั่งการล็อกหรือปลดล็อก ประตูรถ ตรวจสอบตำแหน่งรถ แจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งผิดปกติ และช่วยค้นหาศูนย์บริการ รวมถึงการบันทึกการดูแลรักษารถตามระยะ ผ่าน MG Mobile Application
 
ระบบความปลอดภัยเกินรถ 
NEW MG HS ให้ความปลอดภัยด้วยระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ที่แข็งแกร่งพร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัยเหนือระดับมาตรฐานยุโรป หรือ Advanced Synchronized Protection System มากถึง 25 ระบบ ประกอบด้วยระบบ Synchronized Protection System ซึ่งเป็นระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดอุบัติเหตุที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรกและช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ 14 ระบบ อาทิ ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้งCBC (Curve Brake Control) ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ ARP (Anti Rolling Program) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)  และมีอีก 4 ระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา ประกอบด้วย

  • ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
  • ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
  • ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)

ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) มากถึง 7 ระบบประกอบด้วย

  • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ACC (Adaptive Cruise Control)
  • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
  • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)

เสริมความปลอดภัยให้อีกขั้นด้วยถุงลมนิรภัย 6 จุด และเพิ่มมุมมองที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นด้วยกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ  (3D Around View Monitor)

Advertisements
- Advertisement -

Related news

- Advertisement -
Exit mobile version