Wednesday, December 4, 2024

โอโมดา เจคู(เชอรี่) ส่ง 4 รุ่นใหม่ทำตลาดเตรียมลงทุนรง.ปี 2568

- Advertisement -spot_imgspot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img

โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) โชว์ศักยภาพบริการหลังการขายครบวงจร ด้วยเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายมากกว่า 35 แห่ง พร้อมให้บริการทั่วประเทศ ไตรมาส2

Advertisements

กรุงเทพฯ 20 มี.ค. 2567 – โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) หรือ OMODA & JAECOO (Thailand) บริษัทในเครือ Chery Automobile บริษัทสัญชาติจีน แถลงข่าวเปิดตัวแบรนด์อย่างเป็นทางการ ในประเทศไทย พร้อมเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจ
สำหรับโอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ผู้จำหน่ายรถยนต์แบรนด์ โอโมดาจะเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก C5 EV รถยนต์ EV 100% ในช่วงไตรมาส 2  ของปีนี้ ตามมาด้วยแบรนด์เจคู จำหน่ายรุ่น JAECOO 7 รถยนต์พรีเมียม เอสยูวี โดยจะเริ่ม จำหน่ายในไตรมาสที่ 3 และรถยนต์ JAECOO 6 และ JAECOO 8 ในไตรมาสที่ 4  โดย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ตั้งเป้าหมายก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศจีนในไทย ในขณะที่ แผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ที่เริ่มในปี 2568 เพื่อ ยกระดับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายเฉิน ชุนชิง รองประธาน เชอรี่ อินเตอร์เนชันแนล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า27 ปี ในฐานะผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลกของ Chery Automobileบริษัทฯ ได้ส่งออกรถยนต์ไปกว่า 80 ประเทศทั่วโลกทำให้มีความพร้อมด้านการผลิต โดยมีโรงงานในต่างประเทศมากกว่า 10 แห่ง พร้อมด้วยผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการในต่างประเทศมากกว่า 1,500 แห่ง ตลอดจนการมีศูนย์วิจัยและพัฒนาในต่างประเทศ เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็น “มากกว่ารถยนต์” ทั้งในประเทศจีน เยอรมนี สหรัฐอเมริกา และบราซิล

เชอรี่ได้จัดตั้ง ทีมงานเพื่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในชื่อ “โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) หรือ OMODA & JAECOO (Thailand)”ที่พร้อมให้บริการแล้วในปี 2567นี้”

ไทยถือเป็นตลาดยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน และเป็นศูนย์กลางการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค เรามองเห็นแนวโน้มการพัฒนาอุตสาหกรรมและการสนับสนุนรถยนต์พลังงานใหม่ของรัฐบาลไทย ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) โดยเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาแบรนด์ให้เข้ากับผู้ขับขี่ชาวไทยและสอดคล้องกับห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต”นายเฉินกล่าว

นายฉี เจี๋ย ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ถือเป็นการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย และความตั้งใจในการขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

Advertisements

การดำเนินธุรกิจของ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้กำหนดเป้าหมายและแผนการดำเนินการในระยะต่าง ๆ เพื่อจะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้ขับขี่ชาวไทย และเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เตรียมพร้อมเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก OMODA C5 EVในช่วงกลางปี 2567 นี้ ตามมาด้วย JAECOO7 ที่วางแผนจะเข้ามาจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 และในไตรมาสที่ 4 จะนำรถยนต์ JAECOO6 และ JAECOO8 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนการลงทุนก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ในประเทศไทย ซึ่งจะได้เห็นความคืบหน้าในปี 2568

เล็งขึ้น1ใน3แบรนด์จีนยอดนิยม

นายฉี กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ปริมาณการขายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ407,000 คันในปี 2566 โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% มียอดจำหน่ายกว่า 73,000 คัน เพิ่มขึ้น 603.66% จากปีก่อน ส่งผลให้ประเทศไทยเป็นตลาดรถยนต์พลังงานแห่งใหม่ที่มีศักยภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ในการเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย และการลงทุนโรงงานที่จะยกระดับให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถพวงมาลัยขวาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Studyพร้อมกับตั้งเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศจีนในไทย เพื่อตอกย้ำศักยภาพและความพร้อมของแบรนด์ในการเข้ามาทำการตลาดอย่างยั่งยืนในประเทศไทย และบรรลุเป้าหมายการพัฒนาในระดับโลก ถือเป็นการเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทย และความตั้งใจในการขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

ส่งรถใหม่4รุ่นประเดิมตลาด

 นายพิชญุตม์ วงศ์พัฒนาสิน รองประธานฝ่ายขายและการตลาด บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภายในปี 2567 นี้ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จะนำรถยนต์เข้ามาจำหน่ายทั้งสิ้น 4 รุ่น โดยจะเปิดจำหน่ายรถยนต์รุ่นแรก OMODA C5 EV ในช่วงไตรมาสที่ 2 โดย รถยนต์ OMODA C5 EV เป็นยนตรกรรม
EV 100% ที่ผสมผสานการออกแบบแห่งอนาคต เข้ากับเทคโนโลยีสุดอัจฉริยะ ทั้งฟังก์ชันความปลอดภัยและความสะดวกสบาย ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “O-UNIVERSE”  เชื่อมต่อผู้ขับขี่เข้าด้วยกัน
ผ่านประสบการณ์ที่เป็น “มากกว่ารถยนต์” ตอบโจทย์ “LOHAS LIFESTYLE” ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ใส่ใจการมีชีวิตที่ดีควบคู่กับสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะนำรถยนต์ JAECOO 7 PHEV เข้ามาจำหน่าย ซึ่งเป็นรถยนต์พรีเมียมออฟโรดประสิทธิภาพสูง ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานที่หลากหลาย สามารถขับขี่ได้ทุกภูมิประเทศและสภาพพื้นผิวถนนสำหรับผู้ใช้งานในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “From Classic, Beyond Classic”ของแบรนด์ JAECOO และในไตรมาสที่ 4 จะนำรถยนต์ JAECOO 6 และ JAECOO 8 เข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการตามลำดับ เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้ขับขี่ชาวไทย อย่างไรก็ตาม

ปีแรกตั้งดีลเลอร์ผุด35โชว์รูม

“เพื่อเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดในประเทศไทย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จะเปิดโชว์รูม มากกว่า 35 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ล่าสุด ต้นเดือนมีนาคม 67 ที่ผ่านมาได้มีการประชุมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับผู้แทนจำหน่ายระดับประเทศครั้งแรก สะท้อนถึงความพร้อมและความก้าวหน้าในการก่อสร้างโชว์รูมของเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศไทย โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ให้ความเชื่อมั่นในความพร้อมสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ขับขี่ในประเทศไทยอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบบริการที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าทุกคน” นายพิชญุตม์ กล่าว

Advertisements
- Advertisement -spot_imgspot_img

Latest news

Advertising

spot_img

Related news

- Advertisement -spot_img