มาสด้าเปิดตัวกระบะBT-50 เป็นประเทศที่ 2 ต่อจากประเทศออสเตรเลีย เผยแผนการตลาด มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้า ไลฟ์สไตล์ ดันยอดกระบะโฉมใหม่
กรุงเทพฯ, – 21 ม.ค. 64 – มาสด้าประกาศเปิดสงครามตลาดรถปิกอัพเมืองไทย แนะนำ มาสด้า บีที-50 โฉมใหม่อย่างเป็นทางการ( All-New Mazda BT-50) เป็นประเทศที่ 2 ต่อจากประเทศออสเตรเลียมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้า ไลฟ์สไตล์เผยจุดขาย รวมคุณสมบัติของรถปิกอัพที่ดีที่สุดในโลกรวมเป็นหนึ่งเดียว วางตลาดรวม 14 รุ่น ราคาจำหน่ายเริ่มต้น5.5 แสนบาท
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหารบริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์มาสด้าจากญี่ปุ่น เปิดเผยว่า มาสด้าเป็นค่ายแรกในวงการกระบะปี 2564 ที่เปิดตัวรถปิกอัพในเมืองไทยท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากcovid-19 มาสด้าBT-50 เจเนอเรชั่นใหม่ มาพร้อมแนวคิด “พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” เติมเต็มทุกมิติของชีวิตดุจ Life-Partner สัมผัสแห่งดีไซน์อันสง่างามจาก “โคโดะ ดีไซน์” เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม ตามคอนเซ็ปต์ “Less is More” ผสานรูปลักษณ์อันทรงพลังสไตล์ปิกอัพ โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย มอบความสะดวกสบายเสมือนรถเอสยูวี คุ้มค่าด้วยอัตราประหยัดน้ำมันมากที่สุดในคลาสกับตัวเลข 16.1 กิโลเมตร/ลิตร
BT-50 เป็นรถรุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวเป็นรุ่นแรกในปี 2564 โดยใส่ความโดดเด่นของ มาสด้า ผนวกจุดเด่นทั้งหมดของมาสด้าและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน คือการออกแบบที่ปิกอัพยุคใหม่ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เทคโนโลยีความปลอดภัย ให้ความสะดวกสบายที่เทียบเท่ากับรถเอสยูวี การเปิดตัวMazda BT-50 เจเนอเรชั่นใหม่เป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ให้กับตลาดรถปิกอัพ ที่สามารถใช้งานได้ทุกโอกาส หรือ “Built for Dress and Jeans” ซึ่งจะเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้กว้างมากขึ้น และช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายให้มากขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายขายBT-50 ไว้ 15,000คัน ซึ่งรถปิกอัพเป็นหนึ่งในโมเดลสำคัญ ที่ถือกำเนิดขึ้นจากเมืองฮิโรชิมาตั้งแต่ปี 1961 คือ มาสด้า B1500 บี-ซีรีย์ ซึ่งรุ่นนี้เปรียบเสมือนจุดกำเนิดของยานพาหนะที่ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด ช่วยให้ทุกช่วงเวลาบนท้องถนนเต็มไปด้วยความสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
ในประเทศไทยมาสด้าผลิตรถปิกอัพจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่น จากโรงงาน ออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย
- มาสด้า ไฟเตอร์ คือรถรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นในช่วงปี 1998 ถึงปี 2006 มียอดจำหน่ายสะสม 50,000 คัน
- รุ่นที่สอง มาสด้า บีที-50 ผลิตขึ้นในช่วงปี 2006 ถึงปี 2012 มียอดจำหน่ายสะสม 52,000 คัน
- และรุ่นที่สาม มาสด้า บีที-50 โปร ผลิตขึ้นในช่วงปี 2012 จนถึงปัจจุบัน มียอดจำหน่ายสะสม 120,000 คัน
ทุกรุ่นล้วนได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า ทำให้มีรถปิกอัพมาสด้าอยู่ในการครอบครองของลูกค้าชาวไทยมากกว่า 222,000 คัน
เปิดสเปค BT-50
การออกแบบภายนอกใช้แนวทาง “โคโดะ ดีไซน์” (KODO Design) ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ มุ่งเน้นให้เกิดความเรียบง่าย แต่งดงาม ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Less is More” เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์นั่งและรถเอสยูวีตระกูล CX Series เจเนอเรชั่นใหม่ของมาสด้า ส่วนภายในห้องโดยสารที่เน้นความประณีต และการคัดสรรเลือกใช้เฉพาะวัสดุคุณภาพสูง คอนโซลหน้าตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน เสาภายในและเพดานเลือกใช้โทนสีดำตัดกับหนังสีน้ำตาลเข้มของเบาะนั่ง ซึ่งออกแบบให้นั่งสบายในทุกตำแหน่ง และแผงประตูเพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งสไตล์เดียวกับรถเอสยูวี ห้องโดยสารกว้างขวาง การจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์โดยให้ผู้ขับขี่เป็นศูนย์กลางตามหลักการ Human Machine Interface จอข้อมูลแบบสี MID (Multi-Information Display) ขนาด 4.2 นิ้ว ที่แสดงข้อมูลได้หลายรูปแบบ อ่านง่าย มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีหน้าจอแบบ TFT (Thin-film Transistor Technology)
พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง มาพร้อมกับเบาะไฟฟ้าปรับได้ 8 ทิศทางและระบบดันหลัง ควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร ด้วยระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone ที่สามารถแยกปรับด้านซ้ายและขวาได้อย่างอิสระ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง การติดตั้งลำโพง 8 ตำแหน่ง นับรวมถึงลำโพงที่ติดตั้งบนหลังคา ผู้โดยสารสะดวกสบายตลอดการเดินทางด้วยที่พักแขนพร้อมที่วางแก้ว 2 ตำแหน่ง และช่องเสียบ USB มีช่องเก็บของภายในห้องโดยสารสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทุกตำแหน่ง
Mazda BT-50 มาพร้อมกุญแจรีโมทอัจฉริยะ สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ด้วยรีโมท เปิดระบบปรับอากาศก่อนขึ้นรถ และมีระบบไฟในห้องโดยสารส่องสว่างอัตโนมัติในทันทีเมื่อจับสัญญาณจากกุญแจรีโมท มีระบบ Infotainment ที่มาพร้อมหน้าจอแบบสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 9 นิ้ว ที่สามารถตั้งค่า Home Screen ได้หลายรูปแบบ รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Apple CarPlay® แบบไร้สาย และ Android Auto™* ซึ่งสามารถใช้งาน Miracast แบบไร้สายผ่าน Wifi และรองรับการเชื่อมต่อแบบ MirrorLink อีกทั้งยังมีระบบนำทางที่ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต
2 เครื่องยนต์ ให้เลือก
มาสด้่า บีมี-50 มีเครื่องยนต์ให้เลือก2 ขนาดคือดีเซลขนาด 3.0 ลิตรให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ระบบหัวฉีดน้ำมันแรงดันสูง 250 MPaติดตั้งเฉพาะในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อเท่านั้นเครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 1.9 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร มีจุดเด่นคืออัตราประหยัดน้ำมันที่ดีที่สุดในคลาสกับตัวเลข 16.1 กิโลเมตร/ลิตร เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมติดตั้งในรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ซึ่งเครื่องยนต์ทั้ง 2 ขนาด รองรับน้ำมันB20
2ระบบเกียร์
ระบบส่งกำลังของ BT-50 มีให้เลือก 2 แบบคือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดสามารถเลือกเปลี่ยนเป็นโหมดแมนนวลได้กับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีสมบัติเข้าเกียร์ง่ายและแม่นยำผสานการทำงานกับระบบขับเคลื่อนที่มี 2 ทางเลือก คือขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 2 ล้อแบบยกสูง ซึ่งเป็นรุ่น Hi-Racer กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ รองรับการขับขี่ใบรูปแบบออฟโรดด้วยระบบ Electronic Diff-lock ที่เฟืองท้าย อีกทั้งรุ่น Hi-Racer และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ สามารถลุยน้ำได้สูงถึง 800 มิลลิเมตร
BT-50 ใช้โครงสร้างตัวถังที่ผลิตขึ้นจากเหล็กกล้าที่ทนต่อแรงดึงสูง (High Tensile Steel) แข็งแกร่งกว่าเหล็กธรรมดา ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดการสั่นสะเทือนรวมถึงเสียงรบกวนจากภายนอก เพิ่มเสถียรภาพในการขับขี่ด้วยระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนก 2 ชั้น กับคอยล์สปริงพร้อมเหล็กกันโคลงหน้า ช่วยเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัว ชุดแหนบด้านหลังที่เพิ่มความสามารถในการบรรทุก
3 รูปแบบตัวถัง
BT-50 มีตัวถังให้เลือก 3 รูปแบบคือ 1. รุ่น Standard Cab (STD) หรือกระบะตอนเดียว (5ขอ) สำหรับการบรรทุกของหนัก 2.รุ่น Freestyle Cab (FSC) หรือกระบะตอนครึ่งรุ่นแค็ปเปิด และ3.Double Cab (DBL) หรือรุ่น 4 ประตู
รุ่นและราคามาสด้าBT-50 :มาสด้า วางรุ่นรถทั้งหมด14 รุ่นมีรายละเอียดังนี้
ลำดับ | รุ่น |
1 | STD 1.9 E ราคา 553,000 บาท |
2 | STD 1.9 C ราคา 679,000 บาท |
3 | FSC 1.9 C Hi-Racer ราคา 714,000 บาท |
4 | FSC 1.9 C Hi-Racer 6 AT ราคา 768,000 บาท |
5 | FSC 1.9 S Hi-Racer ราคา 787,000 บาท |
6 | FSC 1.9 S Hi-Racer 6AT ราคา 832,000 บาท |
7 | DBL 1.9 C ราคา 771,000 บาท |
8 | DBL 1.9 S ราคา 847,000 บาท |
9 | DBL 1.9 S Hi-Racer ราคา 891,000 บาท |
10 | DBL 1.9 S Hi-Racer 6AT ราคา 936,000 บาท |
11 | DBL 1.9 SP Hi-Racer ราคา 1,012,000 บาท |
12 | DBL 1.9 SP Hi-Racer 6AT ราคา 1,070,000 บาท |
13 | DBL 4×4 3.0 SP ราคา 1,118,000 บาท |
14 | DBL 4×4 3.0 SP 6 AT ราคา1,153,000 บาท |
อีกทั้งในรุ่น Hi-Racer และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพและการทรงตัวของรถ DSC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินเตือนอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน ESS ระบบช่วยการออกตัวของรถขณะอยู่บนทางลาดชัน HLA ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC และติดตั้งถุงลมนิรภัยสูงสุดถึง 6 ตำแหน่ง เพิ่มความมั่นใจในการเข้าจอดด้วยระบบเซ็นเซอร์กะระยะด้านหน้าและด้านหลังรวมสูงสุด 8 ตำแหน่ง พร้อมกล้องมองหลัง
สำหรับรุ่น DBL Hi-Racer และรุ่น DBL ขับเคลื่อน 4 ล้อ ใส่เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงของมาสด้ากับระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM) และระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น
6สีให้เลือก
มาสด้าสีภายนอก ให้เลือกถึง 6 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน กันบลู (Gunblue) สีเทา คอนกรีต เกรย์ (Concrete Gray) สีแดง เรด โวคาโน (Red Volcano) สีดำ ทรู แบล็ก (True Black) สีขาว ไอซ์ ไวท์ (Ice White) และสีเงิน อิงกอท ซิลเวอร์ (Ingot Silver)
แคมเปญช่วงเปิดตลาด
มาสด้าได้นำเสนอ แคมเปญพิเศษช่วงเปิดตัวแนะนำกับดอกเบี้ยต่ำสุด 1.99%1 ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี2 ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร3 All-New Mazda BT-50 พร้อมให้ทุกท่านได้ทดลองขับขี่และเปิดรับจองแล้ววันนี้ที่โชว์รูมมาสด้าทั่วประเทศ
หมายเหตุ :
ตลาดรถปิกอัพ ถือเป็นตลาดใหญ่ที่สุดเกือบ 50% ของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทย มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเพราะเป็นหนึ่งในโปรดักซ์แชมป์เปี้ยนที่ผลิตและส่งออกไปจำหน่ายทั่วโลก แม้ว่าปี 2563 ที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนต่างเผชิญกับวิกฤตโคโรน่าไวรัส จนส่งผลให้ยอดขายรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลงกว่า 20%
สำหรับยอดขายรถยนต์ในแต่ละประเภทในปี2563 ตลาดรถปิกอัพมีสัดส่วน 45% จากตลาดรวม เติบโตขึ้นจากปี 2562 ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 43% ดังนั้นการเปิดตัว All-New Mazda BT-50 จึงเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่จะเข้ามาเปลี่ยนทุกมุมมองเกี่ยวกับรถปิกอัพโดยสิ้นเชิง Revolutionary Change รวมถึงการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยความแตกต่างไม่เหมือนใคร อีกทั้งจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างยอดขายและชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของมาสด้า
มาสด้าเริ่มเข้ามาบุกเบิกตลาดปิกอัพในประเทศไทยอย่างจริงจังเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา ด้วยการสร้างโรงงานที่เม็ดเงินมูลค่ามหาศาล เพื่อขึ้นไลน์ผลิตปิกอัพในประเทศไทย ณ โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ จังหวัดระยอง โดยผลิต มาสด้า ไฟเตอร์ ซึ่งเป็นกระบะฝีมือคนไทยรุ่นแรก ที่เริ่มผลิตและจำหน่ายในปี 2541 มียอดขายเฉพาะในประเทศไทยกว่า 50,000 คัน ต่อด้วยรุ่นที่สอง มาสด้า บีที-50 มียอดขายสะสมกว่า 52,000 คัน และ มาสด้า บีที-50 โปร มียอดขายสะสม 120,000 คัน ส่งผลให้มีรถปิกอัพพันธุ์แกร่งของมาสด้าอยู่ในการครอบครองของแฟนมาสด้ากว่า 222,000 คัน ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของมาสด้า
นายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากความตั้งใจที่เราต้องการพัฒนารถปิกอัพให้สามารถเติมเต็มทุกมิติของชีวิต เสมือนเป็น Life-Partner จึงเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ “All-New Mazda BT-50 พร้อม…กับทุกด้านของชีวิต” ซึ่งจะพาคุณไปสู่ทุกเป้าหมายเคียงคู่ไปในทุกมิติของการใช้ชีวิต ประกอบด้วย
- Adventure Partner พร้อมลุยไปกับทุกเส้นทางสำหรับผู้ที่หลงใหลในความท้าทาย เปลี่ยนให้ทุกอุปสรรคเป็นความท้าทาย ออกไปค้นหาเพื่อลิ้มรสคุณค่าของการค้นพบสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ
- Passion Partner ที่จะให้คุณก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือ ห่วงใย และเอาใจใส่ต่อคนรอบข้าง แม้จะมีหน้าที่รับผิดชอบมากมาย แต่ก็ยังต้องการที่จะใช้เวลาไปกับเพื่อนฝูง และสนุกสนานกับกิจกรรมอยู่เสมอ
- Inspiration Partner ให้คุณได้มองหาเรื่องราวใหม่ๆ ที่อาจยังไม่มีใครเคยค้นพบ เพื่อสร้างความหมายใหม่ของการใช้ชีวิต เพราะการให้คือการส่งต่อแรงบันดาลใจที่ดีที่สุด
- Business Partner นำชีวิตก้าวไปสู่ความสำเร็จด้วยความมุ่งมั่นที่จะก้าวหน้า ไม่หยุดพัฒนาตนเอง มองหาช่องทางและโอกาสอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานหลักหรือธุรกิจเสริมเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตนเองและครอบครัว ให้ทุกก้าวย่างเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
“ปัจจุบันผู้ซื้อรถปิกอัพ ไม่ได้มองเพียงแค่ความแข็งแกร่ง ความทนทานในการใช้งาน หรือประหยัดน้ำมันเท่านั้น วันนี้ลูกค้าใส่ใจในทุกรายละเอียด ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และดีไซน์มากขึ้น แนวคิดการออกแบบ คือ การผสมผสานความแข็งแกร่ง อึด ทน ในสไตล์รถปิกอัพเข้ากับ โคโดะ ดีไซน์ ที่เน้นความเรียบง่าย แต่งดงาม จึงเกิดเป็นความโดดเด่น แตกต่างไม่เหมือนใคร แต่บ่งบอกได้ว่า นี่คือ ปิกอัพสายพันธุ์ใหม่ของมาสด้า ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่ออกแบบด้วย Signature Wing ขนาดใหญ่ รูปทรงด้านหน้าที่สง่างามในสไตล์รถเอสยูวี ดีไซน์ไฟหน้าและไฟท้ายทรงสปอร์ต โฉบเฉี่ยว รวมถึงมิติตัวถังขนาดใหญ่ผนวกกับสัดส่วนของรถ เกิดเป็นความแข็งแกร่งควบคู่กับความสง่างามของรถปิกอัพยุคใหม่” นายธีร์ กล่าวเพิ่มเติม