อินไซต์ ซีรี่ ซีโร่ แนวคิดก้าวข้ามข้อจำกัดรถยนต์BEV

- Advertisement -
- Advertisement -

ฮอนด้า ประกาศผลิตจำหน่ายปี 2569 ตลาดอเมริกา ญี่ปุ่น ยุโรป หลังเผยโฉมโมเดลยนตรกรรมต้นแบบ“ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์ ”เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน CES 2025

Advertisements

(ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา – 8 มกราคม 2568)ฮอนด้าเผยโฉมโมเดลรถต้นแบบ 2 รุ่น เป็นครั้งแรกในโลกที่งาน CES 2025ได้แก่ Honda 0 Saloon และ Honda 0 SUVซึ่งเป็นรถภายใต้ไลน์อัป“Honda 0 Series (ฮอนด้า ซีโร่ ซีรีส์)”ที่จะเปิดตัวสู่ตลาดโลกในปี พ.ศ.2569 พร้อมทั้งเปิดตัว “ASIMO OS” ระบบปฏิบัติการรถยนต์ที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นเองสำหรับใช้กับรถHonda 0 Series อีกด้วย

Honda 0 Saloon (ฮอนด้า ซีโร่ ซาลูน)
รถต้นแบบที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดจาก concept model ที่เปิดตัวในงาน CES 2024เมื่อปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมเปิดตัวสู่ตลาดโลกในปี พ.ศ. 2569 โดยยังคงไว้ซึ่งดีไซน์เอกลักษณ์ตามแบบฉบับ concept model ที่มาพร้อมตัวถังต่ำสไตล์สปอร์ตพร้อมด้วยภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง

  • Flagship Model ภายใต้ Honda 0 Series ได้รับการพัฒนาบนสถาปัตยกรรมใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะอีกทั้งมาพร้อมหลากหลายเทคโนโลยีใหม่ที่ผสานแนวคิด “บาง เบา และชาญฉลาด” เข้าไว้ด้วยกัน
    -ฮอนด้า จะนำเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติที่เชื่อถือได้สูงบนพื้นฐานของระบบการขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 มาติดตั้งเพื่อการใช้งานจริงเป็นครั้งแรกในโลก พร้อมด้วยฟังก์ชัน “ultra-personal optimization” ที่ผู้ใช้รถแต่ละรายจะได้สัมผัสกับประสบการณ์การเดินทางที่ปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับตัวเอง เมื่อทำงานบนระบบปฏิบัติการยานยนต์ “ASIMO OS”
    -ฮอนด้าจะเริ่มเดินสายการผลิต Honda 0 Saloonในปี พ.ศ.2569 โดยเริ่มจากอเมริกาเหนือเป็นที่แรกตามด้วยญี่ปุ่นและยุโรปตามลำดับ

Honda 0 SUV (ฮอนด้า ซีโร่ เอสยูวี)
-ต้นแบบยนตรกรรมไฟฟ้าขนาดกลางที่จะเป็นโมเดลแรกภายใต้Honda 0 Series ซึ่งได้รับการพัฒนาจากโมเดลต้นแบบ Space-Hub ที่เปิดตัวในงาน CES 2024 0 SUV จะมาพร้อมกับหลากหลายเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สะท้อนแนวคิดการพัฒนา“บาง เบา และชาญฉลาด”เช่นเดียวกับ Honda 0 Saloonโดยจะส่งมอบพื้นที่สุดล้ำ ผ่านฟังก์ชัน “ultra-personal optimization”และประสบการณ์ดิจิทัลเมื่อทำงานบนระบบปฏิบัติการยานยนต์ “ASIMO OS”
นอกจากนี้Honda 0 Series จะใช้การประมาณค่าความสูงจากพื้น และการควบคุมเสถียรภาพที่มีความแม่นยำสูงโดยอิงจาก 3D Gyro Sensors ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ฮอนด้าสั่งสมผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ของตน เพื่อให้การควบคุมเป็นไปตามความต้องการของผู้ขับขี่ เมื่ออยู่บนพื้นผิวถนนหลากหลายรูปแบบ โดยฮอนด้าจะเริ่มเดินสายการผลิต Honda 0 SUV ในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ.2569 โดยเริ่มจากอเมริกาเหนือเป็นที่แรก ตามด้วยญี่ปุ่นและยุโรปตามลำดับ

ระบบปฏิบัติการรถยนต์ ASIMO OS
ยนตรกรรมภายใต้ไลน์อัปHonda 0 Series จะมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการรถยนต์ “ASIMO OS” ที่พัฒนาขึ้นโดยฮอนด้าเอง โดยฮอนด้านำชื่อ ASIMO มาใช้เป็นชื่อระบบปฏิบัติการฯ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้ยานยนต์ซีรีส์นี้กลายเป็นไอคอนของยนตรกรรมไฟฟ้ารุ่นต่อไป ที่จะสร้างความประหลาดใจและมอบแรงบันดาลใจแก่ผู้คนทั่วโลก เช่นเดียวกับที่ ASIMO เคยทำมา นับตั้งแต่การพัฒนา ASIMO ฮอนด้าได้มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นโดยมุ่งที่จะส่งมอบคุณค่าใหม่ของยานพาหนะที่ฟังก์ชันหลักถูกควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์ (SDVs) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ด้วยการผสานเทคโนโลยีหุ่นยนต์เหล่านี้เข้ากับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงสำหรับ Honda 0 Series ASIMO OS จะถูกนำไปใช้ในการควบคุมการทำงานร่วมกับหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECUs) ในยนตกรรมไฟฟ้า เช่น ระบบขับขี่อัตโนมัติ/ระบบช่วยผู้ขับขี่ขั้นสูง (AD/ADAS) และระบบความบันเทิงในรถยนต์ (IVI) โดยในทุกครั้งที่มีการอัปเดตซอฟต์แวร์ในรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ผ่านการอัปเดตแบบ OTA (Over-the-Air) แม้หลังจากที่ซื้อรถแล้ว ฟังก์ชันและบริการจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามความชอบและความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคน ซึ่งฟังก์ชันและบริการที่ได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่องนี้จะช่วยตอบโจทย์ในเรื่องของ “พื้นที่” และประสบการณ์ดิจิทัลที่มอบความสนุกสนานและความสะดวกสบายในทุกการเดินทางรวมทั้งการควบคุมสมรรถนะการทรงตัวที่เป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้าที่จะทำให้ทุกการขับสนุกสนานยิ่งขึ้นและทำให้ผู้ขับรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ ทั้งนี้ ฮอนด้าวางแผนที่จะติดตั้ง ASIMO OS ในHonda 0 SUV และ Honda 0 Saloon และยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ ใน Honda 0 Series

ระบบการขับขี่อัตโนมัติ AD (Automated Driving)
ในปี พ.ศ.2564 ฮอนด้าเป็นผู้ผลิตยานยนต์รายแรกของโลกที่นำระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 มาใช้จริงโดยได้ติดตั้งใน HondaLegend ที่มาพร้อมฮอนด้า เซนส์ซิ่ง อีลิท (Honda SENSING Elite) ซึ่งรองรับระบบการขับขี่อัตโนมัตระดับ3 (แบบละสายตาได้) และการขับขี่อัตโนมัติแบบมีเงื่อนไขในพื้นที่จำกัด ฮอนด้าเชื่อว่าการใช้เทคโนโลยีการขับขี่แบบละสายตาได้อย่างแพร่หลายจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการทำให้อุบัติเหตุทางท้องถนนเป็นศูนย์ในอนาคตได้ฮอนด้าจึงพยายามนำเสนอยนตรกรรมขับขี่อัตโนมัติในราคาที่จับต้องได้ให้กับลูกค้าทั่วโลกผ่าน Honda 0 Series

Advertisements

โดยฮอนด้าได้นำเทคโนโลยี AI ของตนเองที่ผสมผสานเทคโนโลยีการเรียนรู้แบบไร้การควบคุม*1ของ Helm.ai เข้ากับโมเดลพฤติกรรมของผู้ขับขี่ที่มีประสบการณ์ซึ่งช่วยให้ AI สามารถเรียนรู้ด้วยข้อมูลจำนวนน้อยและขยายขอบเขตของสถานการณ์ที่การขับขี่อัตโนมัติและการช่วยเหลือผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ฮอนด้าจะนำเทคโนโลยี AI ของฮอนด้ามาประยุกต์ใช้กับงานพัฒนาผ่านการวิจัยเกี่ยวกับผู้คนและการเคลื่อนที่เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของพฤติกรรมการอยู่ร่วมกัน (cooperative behavior)เช่น การให้ทางกับผู้อื่นบนถนน ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้จะทำให้ฮอนด้าสามารถสร้างระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่เชื่อถือได้สูง ตอบสนองต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสม เช่น เมื่อมีสัตว์วิ่งเข้าสู่ช่องทางหรือวัตถุตกลงบนถนน

Honda 0 Series จะได้รับการติดตั้งระบบที่ช่วยขยายขอบเขตความสามารถในการช่วยเหลือผู้ขับขี่ในหลากหลายสภาพการขับขี่ ด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่และระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 โดยจะเริ่มด้วยเทคโนโลยีการขับขี่แบบละสายตา(eyes-off) ที่ใช้ได้ในสภาพการจราจรติดขัดบนทางหลวง และสภาพการจราจรอื่นๆ จากการอัปเดต OTA ของฟังก์ชันต่างๆ

*1 การเรียนรู้แบบไร้การควบคุม (Unsupervised learning) เป็นหนึ่งในวิธีการเรียนรู้ของเครื่องยนต์ที่สนับสนุนAI โดยแตกต่างจากการเรียนรู้แบบมีการควบคุม (supervised learning) ซึ่ง AI เรียนรู้คำตอบที่ถูกต้องจากข้อมูลที่มีป้ายกำกับ การเรียนรู้แบบไร้การควบคุมนั้นอนุญาตให้ AI เรียนรู้โดยไม่ต้องได้รับคำตอบที่ถูกต้องและค้นหาแบบแผนและลักษณะเฉพาะของข้อมูลที่ไม่มีป้ายกำกับด้วยตนเอง

การพัฒนา SoC สำหรับ Honda 0 Series
ในงาน CES 2025 ฮอนด้าและ Renesas Electronics Corporation (Renesas) ได้ประกาศการลงนามในข้อตกลงเพื่อพัฒนาระบบชิปบนอุปกรณ์ (SoC) ประสิทธิภาพสูงเพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายด้านยานพาหนะในอนาคตที่ฟังก์ชันหลักถูกควบคุมการทำงานด้วยซอฟต์แวร์(SDVs)ซึ่งฮอนด้ามุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จในไลน์อัป Honda 0 Series สำหรับยนตรกรรม Honda 0 Series เจเนอเรชันถัดไปที่จะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของคริสต์ทศวรรษที่2020 ฮอนด้าจะนำสถาปัตยกรรม E&E แบบ Centralized ซึ่งเป็นการรวม ECU หลายตัวที่รับผิดชอบควบคุมระบบยานพาหนะแต่ละตัวให้เป็นหนึ่งECU หลักซึ่งทำหน้าที่เสมือนศูนย์กลางของยานพาหนะ(SDV)ในการจัดการระบบต่างๆ เช่น AD/ADAS, การควบคุมระบบขับเคลื่อน และฟีเจอร์เพื่อความสะดวกสบายต่าง ๆ ทั้งหมดอยู่ใน ECU เดียว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ECU จึงต้องการระบบชิป(SoC) ที่มีประสิทธิภาพการประมวลผลสูงกว่าระบบทั่วไป ในขณะที่ใช้พลังงานเพิ่มในอัตราที่น้อยที่สุด

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว ฮอนด้าและ Renesas จะสร้างระบบที่ใช้เทคโนโลยีชิปเล็ตแบบ Multi-Die Chiplet Technology2 ที่นำชิป Renesas generic รุ่นที่ห้า (Gen 5) R-Car X5 SoC series มาทำงานร่วมกับ AI accelerator ที่ถูกปรับให้เหมาะสมกับซอฟต์แวร์ AI ที่พัฒนาขึ้นโดยฮอนด้าซึ่งการผสานการทำงานนี้ ทั้งสองบริษัทตั้งเป้าที่จะพัฒนาระบบ AI ชั้นนำของอุตสาหกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 2,000 TOPS3 (Sparse) ด้วยประสิทธิภาพการใช้พลังงาน 20 TOPS ต่อวัตต์ (TOPS/W)

*2 เทคโนโลยีในการสร้างระบบโดยการรวมชิปหลายตัว (dies) ที่มีฟังก์ชันต่างกันเข้าด้วยกัน
*3 Tera Operations Per Second (TOPS) เป็นหน่วยวัดประสิทธิภาพการประมวลผลของ AI และวัดจำนวนปฏิบัติการที่สามารถดำเนินการได้ต่อวินาที โดยอิงตามโมเดล AI แบบกระจาย (sparse AI model)

บริการด้านพลังงาน
เพื่อนำเสนอยนตรกรรมไฟฟ้าHonda 0 Series ที่สามารถส่งมอบความสุขและอิสระในการขับเคลื่อนให้กับผู้คนจำนวนมากโดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ฮอนด้าจึงมุ่งมั่นพัฒนาและนำเสนอบริการด้านพลังงานใหม่ๆตาม 2 แนวคิดหลักได้แก่
1) การสร้างเครือข่ายการชาร์จที่ช่วยให้ลูกค้าเพลิดเพลินและมีอิสระในการขับเคลื่อนอย่างไร้กังวล
และ 2) การให้ผู้คนสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตประจำวันด้วยพลังงานสะอาดโดยใช้แบตเตอรี่ EV

1)การจัดตั้งเครือข่ายการชาร์จ
ฮอนด้ามุ่งมั่นที่จะสร้างสังคมที่ผู้ใช้ Honda 0 Series จะไม่มีปัญหาในการชาร์จรถยนต์ของพวกเขาเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนี้ในอเมริกาเหนือผู้ผลิตรถยนต์ 8 ราย*4 ได้ร่วมกันจัดตั้งกิจการร่วมค้าเพื่อสร้างเครือข่ายการชาร์จที่ชื่อว่า“IONNA”โดยมีเป้าหมายที่จะรวมสถานีชาร์จคุณภาพสูงอย่างน้อย 30,000 แห่งภายในปี พ.ศ.2573 ซึ่งยนตรกรรมไฟฟ้าทุกรุ่นในไลน์อัป Honda 0 Series จะมาพร้อมช่องชาร์จไฟตามมาตรฐานการชาร์จในอเมริกาเหนือ (NACS) โดยฮอนด้าจะเดินหน้าขยายเครือข่ายการชาร์จต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ Honda 0 Series จะสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จมากกว่า 100,000 แห่งภายในปี2573

นอกจากนี้เพื่อรองรับการเปิดตัวของ Honda 0 Series ฮอนด้ากำลังพิจารณาเพิ่มบริการชาร์จไฟใหม่จากเครือข่ายการชาร์จที่ครอบคลุมนี้ โดยใช้เทคโนโลยีของ Amazon Web Services, Inc. (AWS) เช่น Amazon Bedrock, เทคโนโลยี AI ของAWS เข้ากับเทคโนโลยี AI ของฮอนด้า และหลังจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจาก Honda 0 Series และเครือข่ายการชาร์จที่ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต ฮอนด้าจะพยายามส่งมอบประสบการณ์การชาร์จไฟที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลในแง่ของการหาสถานที่ชาร์จและทำให้การชำระเงิน เป็นเรื่องง่ายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าฮอนด้าให้มากที่สุด

2) การทำให้ผู้คนสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตประจำวัน

ด้วยพลังงานสะอาดเพื่อบรรลุเป้าหมายในการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอนการใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากขึ้นนับเป็นสิ่งสำคัญควบคู่กับความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้า
สำหรับการชาร์จไฟฟ้าที่บ้านซึ่งคาดว่าจะเป็นประมาณ 80% ของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด*5

ฮอนด้าจะพัฒนา Honda Smart Charge ซึ่งเป็นบริการชาร์จไฟสำหรับผู้ใช้รถ EV ที่ฮอนด้ากำลังให้บริการในอเมริกาเหนือโดยการรวมระบบการจัดการพลังงานในบ้านที่พัฒนาร่วมกับ Emporia Corp. เข้ากับระบบ Vehicle Grid Integration (VGI) ของ ChargeScape ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนด้านซอฟต์แวร์ที่ฮอนด้าจัดตั้งขึ้นร่วมกับ BMW และ FORD และด้วยโครงการที่ฮอนด้าได้ริเริ่มเหล่านี้ คาดว่าจะมีส่วนช่วยลดค่าไฟฟ้าและการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้กับลูกค้าในอเมริกาเหนือและตลาดอื่นๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2569เป็นต้นไป
ด้วยการบริการด้านพลังงานนี้หากนำเอายนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series จำนวนหนึ่งมารวมกันจะสามารถทำหน้าที่เป็นโรงไฟฟ้าเสมือนหรือVPP ได้และสามารถปรับแผนการชาร์จได้ตามความต้องการของผู้ใช้งานแต่ละคนได้มากขึ้น โดยเฉพาะยนตรกรรมภายใต้ Honda 0 Series จะชาร์จไฟตัวเองโดยการเลือกช่วงเวลาของวันที่ค่าไฟฟ้าต่ำและสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนได้และปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ในบ้านในช่วงเวลาที่ค่าไฟฟ้าสูงจึงมีส่วนช่วยในการจัดการค่าไฟครัวเรือนทั้งบ้านได้อย่างชาญฉลาด

นอกจากนี้เมื่อกระแสไฟฟ้าเกิดการขาดแคลนไฟฟ้าที่เก็บไว้ในรถ Honda 0 Series จะสามารถจ่ายไฟกลับเข้าสู่กริดพลังงานได้จึงช่วยเสริมเสถียรภาพในระบบการจ่ายไฟฟ้าและช่วยให้เจ้าของรถสามารถสร้างรายได้จากรถยนต์ EV ของพวกเขาในส่วนของการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ที่อาจเป็นข้อกังวลจากการชาร์จและปล่อยประจุซ้ำๆ ปัญหานี้จะลดลงได้ด้วยเทคโนโลยีการจัดการแบตเตอรี่ที่ฮอนด้าสั่งสมมาจากการพัฒนาระบบขับเคลื่อนฟูล ไฮบริด

*4American Honda Motor, บริษัทในเครือของฮอนด้าในสหรัฐอเมริกา, BMW Group, General Motors, Hyundai Motors, Kia Corporation, Mercedes-Benz Group, Stellantis N.V., Toyota Motor
*5ผลการวิจัยภายในของHonda

Advertisements
- Advertisement -

Latest news

Advertising

Related news

- Advertisement -
Exit mobile version