DPF (Diesel Particulate Filter) คืออุปกรณ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดปริมาณอนุภาคฝุ่น (particulate matter) ที่เกิดจากการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ดีเซล อุปกรณ์นี้ได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองความต้องการด้านสิ่งแวดล้อม เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลผลิตอนุภาคขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์และสิ่งแวดล้อม DPF เริ่มถูกนำมาใช้ในรถยนต์เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ช่วงปี 2000 เป็นต้นมาชนิดของ DPF: มีหลายชนิด เช่น wall-flow filter ซึ่งสามารถดักจับอนุภาคได้มากกว่า 90% และ partial filter ที่ดักจับอนุภาคได้ในระดับน้อยกว่า แต่มีความต้านทานต่อการไหลของไอเสียน้อยกว่า
คุณสมบัติของ DPF:
- การทำงาน: DPF ทำงานโดยการดักจับอนุภาคฝุ่นที่อยู่ในไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล และเก็บสะสมไว้ภายในตัวกรอง กระบวนการนี้ช่วยลดการปล่อยอนุภาคฝุ่นสู่บรรยากาศ การทำความสะอาด DPF หรือการเผาไหม้ที่เรียกว่า “regeneration” จะทำให้อนุภาคเหล่านี้ถูกเผาไหม้จนเป็นเถ้าและสามารถถูกกำจัดออกได้
ข้อดีของ DPF:
- ลดมลพิษ: ช่วยลดการปล่อยอนุภาคฝุ่นที่เป็นอันตรายจากไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซล ทำให้ลดผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
- การสอดคล้องกับมาตรฐาน: DPF ช่วยให้รถยนต์ดีเซลสามารถผ่านมาตรฐานการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดได้
- ประหยัดน้ำมัน: DPF สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการเผาไหม้และลดการสิ้นเปลืองน้ำมันได้ในบางสถานการณ์
ข้อเสียของ DPF:
- การบำรุงรักษา: การที่ DPF ต้องการการทำความสะอาดหรือการ regeneration เป็นระยะๆ อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเพิ่มเติม
- ความซับซ้อน: ระบบ DPF เพิ่มความซับซ้อนให้กับระบบไอเสียของรถยนต์ และอาจทำให้เกิดปัญหาได้หากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
- ผลกระทบต่อสมรรถนะ: การใช้ DPF อาจส่งผลให้เครื่องยนต์มีแรงดันไอเสียสูงขึ้น ส่งผลต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์