เกมลึกไพรซ์วอร์ ราคาเดือด ค่ายเล็ก เก็บยอดระยะสั้น แต่อันตรายระยะยาว

- Advertisement -spot_imgspot_img
- Advertisement -spot_imgspot_img

เปิดก่อนได้ก่อนจริงหรือ?

Advertisements

ในยุคโควิด-19 อะไรก็เกิดขึ้นได้ผลกระทบจากแรงซื้อที่หดหายไป ตลาดรวมรถยนต์เคยเฟื่องฟู 1 ล้านคันต่อปีไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ปี63 จะเหลือแค่750000คัน ผมกระทบร้ายแรกจากตลาดหดตัวแบบฉับพรันเราได้เห็น”แคมเปญ”ที่ยากจะเกิดขึ้นในช่วงปกติ ในรูปแบบสงครามราคา (Price War)

กำลังซื้อของ”ลูกค้”าน้อยลง  จำนวนการซื้อก็น้อยลงรูปแบบเครื่องมือที่ใช้กันมากคือ การแข่งขันกันลดราคาสินค้าของผู้ขายสินค้าเพื่อแย่งชิงลูกค้าเรียกว่า” เปิดก่อนได้ก่อน”

รูปแบบสงครามราคาคือ การให้ลดเงินสด แต่ถ้าเป็นสินค้าใหม่ ก็จะเห็น การตั้งสินค้า ราคา”ต่ำ”เพื่อสะกดคู่แข่ง ชิงตลาด ยุคโควิด-19 ทำให้สงคราม“ราคา”ร้อนแรกมาก ชนิดใช้กับฝุ่นตลบ แทบทุกค่ายรถ

  ค่ายรถที่เปิดก่อน และลดราคาแรงสุดคือนิสสัน ที่หั่นราคา รถที่สิ้นสุด ไลน์การผลิตและรถรุ่นเป้าหมาย ที่จะผลักดันสต็อค ไม่ว่า ไฮไลน์ และโลว์ไลน์ ออกไปบางส่วนภายไต้แคมเปญ ฟอร์นไลน์ โควิด-19(front-line health-care workers)

ตามต่อด้วย การเปิดจุกรถใหม่ของค่ายโตโยต้า ที่เล่น ราคา โคโรลล่า ครอส รถใหม่ราคาไม่แพงจุดชนวนร้อนในกลุ่ม SUV –C  สงครามราคาเริ่มจริงๆ คือ พี่ใหญ่เคาะราคา กลุ่มรถกระบะ รีโว่หน้าใหม่ ในราคาเท่าเดิม ไฟราคาลามไปทุกเซ็คเมนท์ ฟอร์ด ก็เดินเกมราคาเข้ามา ปกป้องตลาดและผลักดัน กระบะอื่นๆ ที่ไม่ใช่4 ประตูหลังจากมั่นใจว่าเรนเจอร์ 4 ประตู พอที่จะเลี้ยงตัวเองรอดแล้วจากการยอมรับของตลาดที่ผ่านมา

Advertisements

เมื่อพี่ใหญ่เล่น ค่ายเล็กไม่ตามก็ตาย การลดราคาตรงๆ จากราคาPrice list ของมาสด้า รถดาวรุ่งพรุ่งแรกก็ไล่หั่นรถในไลน์ เป็นลำดับ จากแคมเปญฟอร์นไลน์โควิด -19 ในกลุ่มรถที่กำลังสิ้นสุด ไลน์การผลิต อย่าง BT-50 โปร ด้วยแคมเปญที่ลดมากกว่า ค่ายเชฟโรเลตที่ประกาศทิ้งรถในสต็อคสุดท้ายเพื่อออกจากตลาดประเทศไทยไป “มาสด้าลดมากกว่า แต่มาสด้ายังอยู่” ไม่ไปไหน

  ล่าสุดคือการหั่นราคาต่อเนื่องของ มาสด้า CX-8 รถSUV-D ที่เปิดตัวเมืองไทยไปเมื่อ  16 พ.ย.62 (ส่งมอบจริงก็น่าจะประมาณ ม.ค. 2563) ซึ่งในมาสแรก 2563 CX-8 มียอดขาย 575คันพอมาไตรมาสที่2 ลดลงไปเหลือ 148 คันและกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส3 ทำได้จำนวน 492 คัน ยอดรวม 3ไตรมาสคือ1,215 คัน เป้าหมาย 12เดือนของมาสด้า cx-8 คือ 6000 คันต่อปี

CX-8 ลดราคาแล้วโดนใคร อย่างแรกคือตลาดใหม่อย่างรถของ โตโยต้า โคโรลล่า ครอส 1.8 ไฮบริด ราคา 1,199,000  น่าจะเป็นตัวที่โดนและน่าจะเปาเป้าหมายของการนำเอา 2.5S ราคา 1,399,000 หรือรถตัวLow Line ของCX-8 มาล่อใจ เพื่อให้ลูกค้าเพิ่มงบประมาณอีก 2 แสนบาทแล้วกระโดดมาเล่น รถไซด์ SUV D มากกว่าจะเล่น SUV C เพราะอย่างไรเสีย ทุกอย่างของ SUV D ก็ดีกว่าเพราะ 3 แถว 7 ที่นั่งย่อมดีกว่า 2 แถว 5ที่นั่ง  วัสดุพรีเมี่ยมกับวัสดุเกรดธรรมดา ย่อมแตกต่างกัน  ในขณะที่เวลาคิดเงินผ่อน ค่างวดจะแตกต่างกันไม่กี่ร้อยบาท นอกจากนี้ในกลุ่มรถ ฮอนด้า วีอาร์-วี เอ็มจีHS และกลุ่มรถเก๋ง D เช็คเมนท์ตัวเริ่มต้น ที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกันตลอด

การลดราคา ดีต่อผู้ซื้อ รายใหม่แต่ คนที่เพิ่งซื้อไปผูกใจเจ็บเอาง่ายๆ สงครามราคา…ผู้ซื้อเฮ ระยะยาวผู้ขายร้องไห้  เพราะต้องมีคนเจ็บหากสายป่านไม่ยาวพอ   

Advertisements
- Advertisement -spot_imgspot_img

Latest news

Advertising

spot_img

Related news

- Advertisement -spot_img