แถลงแล้ว ฮอนด้า นิสสัน มิตซูฯ รวมกิจการอย่างเป็นทางการ

- Advertisement -
- Advertisement -


ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการรวมกิจการครั้งใหญ่ของ 3 ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเป็นรูปธรรม หลังฮอนด้าออกแถลงการณ์จาก โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ 24 ธันวาคม 2567  ระบุว่า  บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อเริ่มหารือและพิจารณาการรวมธุรกิจระหว่างสองบริษัทผ่านการจัดตั้ง บริษัทโฮลดิ้ง(Holding Company)ร่วมกัน เพื่อมุ่งสู่การสร้างสังคมที่เป็นกลางทางคาร์บอนและสังคมปลอดอุบัติเหตุบนท้องถนน ส่วนบริษัท มิตซูบิชิมอเตอร์สคอร์ปอเรชั่น ได้ร่วม ลงนามกับฮอนด้าและนิสสันโดยตั้งเป้าที่จะพิจารณาและสรุปผลการเข้าร่วมหรือการมีส่วนร่วมในการรวมธุรกิจระหว่างฮอนด้าและนิสสันภายในสิ้นเดือนมกราคม 2568

รายละเอียดแถลงการณ์ที่ส่งถึงสื่อมวลชนระบุว่ารับ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ฮอนด้าและนิสสันได้ลงนามใน MOU เกี่ยวกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์สำหรับด้านเทคโนโลยียานยนต์อัจฉริยะและเทคโนโลยียานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งสองบริษัทได้มีการหารือเพื่อความร่วมมือในหลายด้าน และในวันที่ 1 สิงหาคม 2567ที่ผ่านมาทั้งสองบริษัทได้ลงนามใน MOU เพิ่มเติมเพื่อขยายกรอบความร่วมมือเชิงกลยุทธ์

การรวมธุรกิจนี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันระดับโลกและเพื่อให้ทั้งสองบริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่น่าสนใจมากขึ้นให้กับลูกค้าทั่วโลกและหากการรวมธุรกิจนี้สามารถเป็นจริงได้ทั้งสองบริษัทจะสามารถจัดการทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลายด้าน เช่น องค์ความรู้ ทรัพยากรบุคคล และเทคโนโลยี เพื่อสร้างความร่วมมือในเชิงลึก เพิ่มความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด และพัฒนาการสร้างคุณค่าของบริษัทในระยะกลางไปจนถึงระยะยาว

นอกจากนี้ การรวมธุรกิจนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างฐานอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นในฐานะ “บริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีการขับเคลื่อนระดับโลก” โดยการรวมธุรกิจของฮอนด้า ทั้งรถยนต์จักรยานยนต์และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของฮอนด้า (Power Products) เข้ากับธุรกิจรถยนต์ของนิสสันจะช่วยสร้างความน่าสนใจให้แก่แบรนด์ เพื่อให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมที่น่าสนใจ และบริการที่เป็นเลิศให้แก่ลูกค้าทั่วโลก

ตามข้อตกลงระหว่างฮอนด้าและนิสสันในการเริ่มพิจารณาการรวมธุรกิจผ่านการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นบริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่นได้ร่วมลงนามกับฮอนด้าและนิสสันโดยตั้งเป้าที่จะพิจารณาและสรุปผลการเข้าร่วมหรือการมีส่วนร่วมในการรวมธุรกิจระหว่างฮอนด้าและนิสสันภายในสิ้นเดือนมกราคม 2568

นายโทชิฮิโระ มิเบะ ผู้อำนวยการประธานกรรมการบริหารและตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอนด้ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าและนิสสันเริ่มพูดคุยและหารือกันตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อชี้แจงความเป็นไปได้ของการรวมธุรกิจภายในสิ้นเดือนมกราคม 2568 สอดคล้องกับการพิจารณาของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังอยู่ในยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ของรอบศตวรรษ

“เราคาดหวังว่าการรวมทรัพยากรและจุดแข็งของฮอนด้าและนิสสัน เข้าด้วยกันทั้งเทคโนโลยีและองค์ความรู้ที่ได้พัฒนาขึ้นมา จะช่วยให้เราสามารถเอาชนะความท้าทายต่างๆด้านการขับเคลื่อนในระดับโลกได้อย่างรวดเร็วถ้ามิตซูบิชิมอเตอร์สร่วมมือกับเรา การผนึกกำลังทั้ง 3 บริษัท จะช่วยให้เราสามารถก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำในการสร้างคุณค่าใหม่ทางด้านการขับเคลื่อนและเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคมผ่านการรวมธุรกิจได้”

นายมาโกโตะ อูชิดะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า วันนี้นับเป็นก้าวสำคัญของการร่วมมือทางธุรกิจ ที่จะมีส่วนในการกำหนดอนาคตของเรา การที่ทั้งสองบริษัทได้ผนึกกำลังกันในครั้งนี้จะนำไปสู่การสร้างสรรค์และพัฒนาสิ่งใหม่ๆที่สร้างคุณค่าได้มากยิ่งขึ้น โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการอันเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแต่ละบริษัท เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างและหลากหลายของลูกค้าที่ไม่มีบริษัทใดสามารถทำได้เพียงลำพัง

นายทาคาโอะ คาโตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและตัวแทนเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ในยุคของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ เราจะศึกษารูปแบบความร่วมมืออย่างดีที่สุดเพื่อให้เกิดประโยชน์จากจุดแข็งของแต่ละบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดการหารือระหว่าง ฮอนด้าและนิสสันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือกันได้ก้าวหน้าไปมากและเราได้ตัดสินใจเข้าร่วมในกรอบความร่วมมือนี้ เชื่อว่าเราจะสามารถค้นพบความเป็นไปได้ใหม่ๆได้ในหลากหลายมิติ

ทั้งนี้ รายละเอียดของการรวมธุรกิจเพื่อสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้คาดว่าจะสามารถแจ้งเพิ่มเติมได้ในช่วงกลางปี 2568

Advertisements
Advertisements
- Advertisement -

Related news

- Advertisement -
Exit mobile version