Great Wall Motors (GWM)ในความเคลื่อนไหว “ตัวเร่ง”เปลี่ยนไทยสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า

- Advertisement -
- Advertisement -

Great Wall Motors (GWM)  มีแบรนด์ย่อยออกมา ประกอบด้วย HAVAL, WEY, ORA และ GWM Pickup โดย HAVAL ทำตลาด SUV, WEY ทำตลาด SUV หรู, ORA ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า และ GMW Pickup ทำตลาดรถกระบะ
GWM เป็นกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ 3 อันดับแรกของจีน ผ่านยอดขายทั่วโลกกว่า 1 ล้านคัน และมีการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ยี่ห้อ  ORA ถูกเรียกว่าแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาถูกที่สุดรุ่นหนึ่งในจีน
ราวปี 2556 หรือ8 ปีที่แล้ว GREATWALL MOTOR ได้มาปรากฏตัวงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 34 ที่เมืองทองธานี ในปีนั้น นายหนังสือฮุย รองผู้จัดการทั่วไปฝ่ายส่งออก บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ ผู้บริหารของ GREATWALL MOTOR ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทเตรียมลงทุน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ( ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ) เพื่อสร้างโรงงานผลิตรถกระบะและเอสยูวีในไทย โดยมีกำลังการผลิต1 แสนคันต่อปี เพื่อใช้ไทยเป็นฐานการผลิตสำหรับตลาดในประเทศและภูมิภาคอาเซียน รวมถึงส่งออกไปประเทศที่เป็นตลาดรถยนต์พวงมาลัยขวา อาทิ ออสเตรเลียและประเทศอื่นๆโดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่ตั้งโรงงาน ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 2556 จะตั้งสำนักงานในไทย เพื่อเตรียมแผนดำเนินงานด้านต่างๆ ทั้งนี้ โรงงานแบ่งออกเป็น 2 เฟส เริ่มเฟสแรกกำลังผลิต 5 หมื่นคัน อีก 3 ปี เฟสสอง 5 หมื่นคัน ความเคลื่อนไหวของGREATWALL MOTOR หายไปในช่วง7 ปีที่ออกข่าวมาหลังจากนั้น
GREATWALL MOTOR เป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อ จีเอ็ม ประกาศปิดสายการผลิตรถยนต์ของบริษัทในไทย ท่ามกลางความตกใจของ ผู้ที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ ข่าวการปิดตัวของจีเอ็มมาพร้อมกับ
ความเคลื่อนไหวของ   “Great Wall Motor” ที่ปล่อยเอกสารข่าวมาในวันเดียวกัน นั่นคือ การประกาศซื้อศูนย์กลางการผลิตระยองของจีเอ็มเมื่อ17 ก.พ.2563 ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่สุดในภูมิภาคของ General Motor ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Great Wall Motor” ประกาศใช้โรงงานแห่งนี้ เป็นฐานการผลิตรถยนต์สำหรับตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียน
ด้วยเป้าหมายการผลิต “100,000 คันต่อปี”มากกว่าตอนที่ GM ยังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตถึง “2 เท่า” โดยเดิม GM ผลิตอยู่ที่ 50,000 คันต่อปี
ผลิตภัณฑ์ชองGreat Wall Motor” ที่อยู่ในแผ่น การผลิตคือ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่ซึ่งทาง Great Wall Motor” มีแบรนด์ย่อยของตัวเองสำหรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง “ORA” ที่เพิ่งตัวไปเมื่อไม่นาน
รง.Great Wall Motor”จะทำการ ผลิตรถยนต์ทั้งรถยนต์แบบ ปลักอินไฮบริด หรือ  PHEV(Plug-in Hybrid) และรถยนต์ไฟฟ้า หรือBEV(Battery EV)  กำลังการผลิต 1แสน  คันต่อปี  50 % เป็นการผลิตเพื่อการส่งออก และจะเริ่มต้นการผลิตได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2565 หรืออีก2 ปีจากนี้ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวจากวงการรถยนต์ เปิดเผยกับเราว่า  GREATWALL MOTOR มีความสามารถในการผลิตสูงมากและมีรถยนต์รุ่นใหม่กว่าที่ทำตลาดในจีน เชื่อว่า  GREATWALL MOTORจะสามารถผลิตได้เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้
ในขณะที่ ด้านบุคคลากร ได้มีการ สรรหาบุคคลากรชาวไทย เข้าไปบริหารงานโดยเริ่มซื้อตัว คนทั้งจากโตโยต้า ผู้นำค่ายรถเมืองไทยและค่ายๆ อื่นๆ จำนวนหนึ่งเพื่อเริ่มวางแผนการตลาดและสร้างเครือข่าย
ความเคลื่อนไหวของGreat Wall Motor รถยนต์แบรนด์จีน  น่าจะมีส่วน ส่งเสริมให้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต..
ในขณะที่การเข้าสู่การเป็นฐานการผลิต “รถยนต์ไฟฟ้า”  จะทำให้ เกิดการแข่งขันกันในตลาดถึงนั้นเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากเครื่องยนต์ICE ไปสู่ BEV หรือไม่ เวลานี้มองข้ามGreat Wall Motorไม่ได้เลยทีเดียว

Advertisements
Advertisements
- Advertisement -

Latest news

Advertising

Related news

- Advertisement -
Exit mobile version