รถรุ่นMG CYBERSTER ดูเหมือนจะถูกจับตามองมากขึ้นเพราะว่าเป็นรถที่ตั้งใจพัฒนา มาเพื่อตลาดอนาคตซึ่ง การพัฒนารถสปอร์ตโรดสเตอร์ เป็นดีเอ็นเอของMG มาตั้งแต่ดั้งเดิม และการนำเขาขุมพลังไฟฟ้ามาติดตั้งทำให้ ได้รับความสนใจมากขึ้นในยุคปัจจุบัน
MG CYBERSTER ปรากฏตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกที่แสดงรถแห่งปี Goodwood Festival of Speed 2023 ที่สหราชอาณาจักร เมื่อเดือนก.ค.2566 ล่าสุดเป็นการเปิดตัวในจีนที่งาน งาน เฉิงตู ออโต้ โชว์ 2023 (Chengdu Auto Show 2023)
ถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกบนพื้นที่ทวีปเอเชีย
MG CYBERSTER เป็น รถโรดสเตอร์ไฟฟ้า (Electric Roadster) เปิดประทุน 2 ที่นั่ง ดีไซน์ภายนอกออกแบบประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิด และหลังคาผ้าซอฟต์ท็อป ซึ่งถือเป็นคาแรคเตอร์ในฝันของคนชอบโรดเตอร์
การออกแบบสวยงาม โดดเด่น กระจังหน้าเรียวยาว เส้นด้านข้างของตัวรถมีความโค้งมนให้ความรู้สึกพลิ้วไหว และแข็งแกร่ง ภายในห้องโดยสารให้ลุคสปอร์ตด้วยการใช้สีแดง Wine-red ออกแบบโดย Marco Feinello อดีตวิศวกรผู้ควบคุมการปรับแต่งรถให้กับทีม Ferrari F1 และหัวหน้าฝ่ายเทคนิคของ DANISI Engineering ผู้นำทัพในการปรับแต่งและเสริมสมรรถนะของMG CYBERSTER ซึ่งภายในงานจัดแสดงครบทั้ง 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง สีเทา
CYBERSTER ใช้ไฟฟ้า100% ให้แรงม้าสูงสุด 544แรงม้าประสิทธิภาพอัตราเร่งความเร็วจาก 0 – 100 ไมล์/ชม.ในเวลาน้อยกว่า 3 วินาที Cyberster จึงมีตำแหน่งเป็นผู้เล่นระดับซุปเปอร์คาร์
เราทราบๆ กันดีว่าหากเป็นรถBEV ทั่วไปตอนนี้จีนถือว่าก้าวนำค่ายรถยนต์ชั้นนำจากเยอรมัน และยุโรปทั้งหลายจะเบียดอยู่แค่เทสลาอะเมริกาเท่านั้นก็แบรนด์ของจีนยังไล่แซงอยู่ (ดูจากสถิติยอดขายในตลาดจีน) จีนส่งรถBEV ไปทำตลาดเก๋งแบบแมสโปรดักซ์ ตลาดรถSUVทั้งพรีเมี่ยมและตลาดทั่วไป ดูเหมือนตลาดที่รอท้าทายจีนอยู่คือ “ซูเปอร์ สปอร์ต”ซึ่งเส้นทางนี้ เจ้าตลาดได้แก่ เฟอร์รารี่ ลองลงมาคือ ลัมโบกินี่ บูกัตตี้ แมคคลาเรน อื่นๆ ล้วนแล้วแต่มีแฟนของตัวเองที่เหนียวแน่น
ในขณะที่การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์ของโลกกลายเป็นโอกาสที่ดีสำหรับรถแบรนด์ใหม่ๆ เพราะภาระการพัฒนาเครื่องยนต์นั้นเปลี่ยนไปเป็นการพัฒนาระบบแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบอย่างแตกต่าง
หากจีนยังคงอยู่ในตลาดเก่า การลงทุนทำเครื่องยนต์ICE การพัฒนาแชชซีส์ขึ้นมาแข่งกับซูเปอร์ คาร์ คงทำได้ยาก แต่หากทุกอย่างเป็นBEVเนื่องจากไม่มีข้อจำกัดทางเทคนิคเหมือน เครื่องยนต์สันดาปภายใน จึงทำให้บริษัทรถยนต์จีน สามารถพัฒนารถที่ เร่งความเร็วของรถ ได้ในระดับซุปเปอร์คาร์ เลยทีเดียว
ถามว่าทำไมแบรนด์ซูเปอร์คาร์ ไม่ทำBEV ทั้งที่ใครมองว่า การพัฒนารถBEV ทำได้เร็วกว่าเครื่องICE เรื่องนี้่คงไม่ใช่ปัญหาของงานวิศวกรรมแต่เป็นปัญหาของ ตำแหน่งของแบรนด์และDNAของแบรนด์ มากกว่าซึ่งหมายถึง การตลาดล้วนๆในเมื่อลูกค้ายังรักICE อยากได้การสั่นแบบธรรมชาติ เสียงคำรามของเครื่องรวมถึง ควัน และอื่นๆ ที่เป็นเสนห์ห์ เฉพาะตัวแบรนด์เหล่านั้นก็ยังไม่เบนหัวไปBEV แล้วทิ้งICE อย่างไรก็ตาม ซูเปอร์คาร์แบรนด์ดังก็เริ่มชิมลางซูเปอร์คาร์ BEV บ้างแล้วอย่างรถลัมโบกินี่ Lanzador EV Lamborghini’s first all-electric vehicle ที่จะผลิตในปี2028 ส่วนเฟอร์รารี่มีแผนจะทำรถEV ปี2025 ซึ่งข่าวนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงข่าวที่พูดกันในวงการ
ในโลกนี้ รถมินิโรดเตอร์ ระดับตำนานต้องยกให้ มาสด้า MX-5 ถือเป็นไอคอนของวงการรถยนต์โลกโรดเตอร์ที่ดึงดูสายตา ผู้พบเห็นและสามารถใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน
มาสด้าMX-5 หรือที่ชาวโลกรู้จักกันในนาม มิอะตะ(Miata) เป็นหนึ่งในรถระดับมินิโรดเตอร์ที่เป็นที่รู้จักและรักสุดหัวใจของนักคนชื่นชอบรถทั่วโลกตั้งแต่ปี 1989 มาจนถึงปัจจุบัน รถ MX-5 นับว่าเป็นหนึ่งในรถสปอร์ตที่เสมือนรถซุปเปอร์คาร์ ในเช็คเมนท์ของรถเล็ก ด้วยการออกแบบสไตล์คลาสสิกและประสบการณ์ขับขี่ที่น่าตื่นเต้น
มาสด้าMX-5 มีกำเนิดมาจาก การพัมนารถให้มีสมรรถนะ สูง มีความสนุกสนานในการขับขี่ และที่สำคัญคือราคา ต้องเข้าถึงง่าย จากเดิม รถสปอร์ตสไตล์ราคาสูงมีแต่แบรนด์ชั้นนำผลิตเป็นหลัก ในปี 1980s, วิศวกรและบริษัท มาสด้า มอเตอร์ ได้ให้ความสำคัญของรถสปอร์ตที่มีความเรียบง่าย ทั้งการใช้งานและการบำรุงรักษา จากความคิดนี้ทำให้ เกิดโครงการ พัฒนา Eunos Roadster ในปี 1989 (ชื่อ MX-5 สำหรับตลาดในต่างประเทศ) โครงการนี้ได้เปิดทางสู่การผลิตรถระดับมินิโรดเตอร์คลาสสิกสไตล์ที่ดีเยี่ยม
มาสด้าMX-5 ได้รับความความรักจากนักขับทั่วโลกอย่างกว้างขวาง. รถที่ขับสนุกสนาน ด้วยความเรียบง่ายและความเสถียร. ไม่ว่าจะเป็นการขับเล่นระหว่างวันหรือการแข่งขันในสนามแข่งรถ, MX-5 นั้นทรงรถมีความมั่นคงและน่าทึ่งอย่างแท้จริง.
MX-5 ก็ได้รับการออกแบบที่ยอดเยี่ยม โดยมีลักษณะสไตล์แบบรถสปอร์ตคลาสสิกที่คนมองเห็นถึงความสนุกสนานของการขับขี่ได้อย่างชัดเจน. โดยเฉพาะเวอร์ชันแรกที่เปิดตัวมาถึงรุ่นปัจจุบัน, MX-5 นั้นยังคงคงสไตล์สไตล์คลาสสิกอันน่าประทับใจ.
ความสำเร็จของ MX-5 ยังออกแบบให้มีความประหยัด ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญในยุคที่มีความสำคัญต่อการลดการใช้งานน้ำมันหลังจากวิกฤติน้ำมันในทศวรรษ 2000s.
มาสด้าMX-5 นับเป็นรถยนต์สปอร์ตคลาสสิกที่มีประวัติความสำเร็จยาวนานและยังคงเป็นที่รักของนักขับทั่วโลก. ด้วยการออกแบบสวยงามและประสบการณ์ขับขี่ที่น่าตื่นเต้น, MX-5 มีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมรถยนต์และยังคงเป็นตัวแทนของรถสปอร์ตคลาสสิกที่คุ้มค่าที่สุดในขณะเดียวกัน. ด้วยรุ่นใหม่ๆ ที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
จุดเด่นของ CYBERSTER ที่จะมาตีMX-5
1.การก้าวข้ามข้อจำกัดของเครื่องยนต์ ICE สู่BEV ทำให้เร่งสมรรถนะรถได้ในระดับซูเปอร์คาร์
2.การเป็นสินค้าจีนราคาต่ำ ราคาต่ำอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งสินค้า Made in Chinaราคาต่ำเป็นสัญญาณแรกจีน ในตลาดโลก
3.การเชื่อมต่อเครือข่ายอัจฉริยะ แบรนด์จีนทำได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
จุดด้อย
1.แบรนด์ยังไม่แข็งแรงเพียงพอในเช็คเมนท์ของมินิ โรดเตอร์
2.ราคาในตลาดโลก เทียบกับในจีนอาจจะแต่งกันไม่ใช่รถโรดเตอร์ที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างMX-5
4.เครือข่ายบริการ ในตลาดไทยMGอาจจะใกล้จุดที่เรียกว่า สมบูรณ์เมื่อเทียบกับมาสด้าแต่ในระดับโลกมาสด้าแข็งแกร่งกว่ามากในด้านเครือข่าย
5.คุณภาพรถ แท้จริงแล้วราคาสินค้าจีนที่ต่ำจะทำให้ผู้บริโภคกังวลว่า ในด้านคุณภาพและจุดขายนี้อาจไม่โดดเด่น เนื่องจาก “ราคาถูกและมีคุณภาพสูง” เป็นเรื่องทำยาก เมื่อเผชิญกับต้นทุนการผลิตดังนั้น ต้องให้เวลา พิสูจน์
6.คุณภาพการบริการ แบรนด์จีนยังไม่มีความสามารถ ขนาดที่จะชูคุณภาพการบริการขึ้นมาเป็นจุดขายในการแย่งส่วนแบ่งการตลาดได้เหมือนที่ญี่ปุ่นทำ